เคยไหมที่อยากปรับรูปหน้าให้ดูดีขึ้น แต่ไม่แน่ใจว่าปัญหาที่แท้จริงของตัวเองคืออะไร ? บางครั้งการทำหัตถการหรือเลือกสกินแคร์ตามกระแสอาจไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด การวิเคราะห์รูปหน้าตามแนวคิดของ Okada Jitsuko อาจเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้คุณเข้าใจโครงสร้างใบหน้าของตัวเอง และเลือกแนวทางดูแลผิวพรรณได้อย่างมั่นใจ
ความสำคัญของการวิเคราะห์รูปหน้าและปัญหาผิว
การวิเคราะห์รูปหน้าและปัญหาผิวมีความสำคัญอย่างมาก เพราะแต่ละคนมีโครงสร้างใบหน้าที่แตกต่างกัน การเข้าใจองค์ประกอบเหล่านี้จะช่วยให้สามารถเลือกแนวทางที่เหมาะสมกับตัวเองได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่หัตถการเสริมความงามและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมีให้เลือกหลากหลาย หากขาดการวิเคราะห์ที่ดี อาจทำให้เลือกแนวทางที่ไม่ตอบโจทย์หรืออาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่คาดคิดตามมาได้
4 เหตุผลที่ควรวิเคราะห์ใบหน้าและผิวของตนเอง
1. ช่วยให้เข้าใจปัญหาที่แท้จริงของใบหน้า
ปัญหาด้านโครงสร้างใบหน้า เช่น สัดส่วนของหน้าผาก โหนกแก้ม คาง หรือแนวกราม มีผลต่อความสมดุลของใบหน้า บางคนอาจรู้สึกว่าหน้าดูเหนื่อยล้าแต่ไม่แน่ใจว่าเกิดจากโครงหน้าหรือปัญหาผิว เช่น ผิวหย่อนคล้อยหรือริ้วรอย การวิเคราะห์ใบหน้าโดยละเอียดจะช่วยให้ทราบถึงต้นตอของปัญหาและสามารถเลือกแนวทางที่ตอบโจทย์ได้ดียิ่งขึ้น
2. ตัดสินใจได้แม่นยำ ลดความเสี่ยงของการทำหัตถการที่ไม่เหมาะสม
การทำหัตถการโดยไม่มีข้อมูลที่ถูกต้อง อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง เช่น คนที่มีปัญหาใบหน้าดูไม่สมส่วน แต่เลือกทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์โดยไม่ปรับโครงสร้างโดยรวม อาจทำให้หน้าดูหนักหรือผิดธรรมชาติ การเช็กรูปหน้าตัวเองจะช่วยให้สามารถเลือกหัตถการที่เหมาะสม เช่น การปรับโครงหน้าด้วยโปรแกรมโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ หรือเทคนิคยกกระชับที่ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด
3. เลือกสกินแคร์และการดูแลผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเลือกสกินแคร์ที่เหมาะกับปัญหาผิว เช่น ผิวแห้ง ผิวมัน หรือปัญหาริ้วรอย ควรเริ่มจากการทำความเข้าใจสภาพผิวของตัวเองก่อน บางคนอาจมีปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอที่เกิดจากเม็ดสี แต่กลับเลือกใช้ครีมลดริ้วรอยที่ไม่ตอบโจทย์ การวิเคราะห์อย่างถูกต้องจะช่วยให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยแก้ปัญหาได้ตรงจุดยิ่งขึ้น
4. ปรับลุคให้เหมาะสมกับโครงหน้า
นอกจากการดูแลผิวและเลือกหัตถการแล้ว การรู้จักจุดเด่นและจุดด้อยของใบหน้ายังช่วยให้สามารถเลือกทรงผม เครื่องประดับ และสไตล์การแต่งหน้าที่ช่วยเสริมบุคลิกได้ดียิ่งขึ้น เช่น คนที่มีหน้ากลมอาจเลือกทรงผมที่ช่วยให้ใบหน้าดูเรียวยาวขึ้น หรือคนที่มีใบหน้าเหลี่ยมอาจเลือกเครื่องประดับที่ช่วยให้ใบหน้าดูละมุนขึ้น เป็นต้น
การวิเคราะห์รูปหน้าตาม Okada Jitsuko คืออะไร ?
Okada Jitsuko เป็นนักออกแบบภาพลักษณ์จากญี่ปุ่นที่พัฒนาแนวคิด “8 Face Type Analysis” ซึ่งแบ่งประเภทของใบหน้าออกเป็น 8 รูปแบบหลัก โดยอ้างอิงจากโครงสร้างกระดูก สัดส่วน และองค์ประกอบของใบหน้า วิธีการนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ช่างแต่งหน้า สไตลิสต์ และนักออกแบบทรงผม เพราะช่วยให้สามารถเลือกวิธีดูแลผิวพรรณและการปรับรูปหน้าให้เหมาะสมกับลักษณะเฉพาะของแต่ละคนได้
การวิเคราะห์รูปหน้าตาม Okada Jitsuko สำคัญอย่างไรกับการทำหัตถการ ?
วิธีดูโครงหน้าตัวเองตามแนวคิดของ Okada Jitsuko ไม่เพียงช่วยให้เลือกสไตล์การแต่งตัวหรือทรงผมได้เหมาะสม แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการวางแผนทำหัตถการทางความงามได้อีกด้วย เช่น
- ใบหน้าแบบ “Cute” ซึ่งมีลักษณะกลมและละมุน หากต้องการให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น อาจต้องใช้เทคนิคยกกระชับหรือการลดขนาดกราม
- ใบหน้าแบบ “Cool” ซึ่งมีความคมชัดอยู่แล้ว อาจไม่จำเป็นต้องเติมฟิลเลอร์มากนัก แต่ควรมุ่งเน้นไปที่การกระชับผิวหรือปรับโหนกแก้มให้ดูสมดุล
- ใบหน้าแบบ “Soft Elegant” ซึ่งมีทั้งความละมุนและความคม การเลือกทำหัตถการที่ช่วยเน้นจุดเด่น เช่น การเติมฟิลเลอร์ที่คางเพื่อเพิ่มความสมดุล จะช่วยให้ใบหน้าดูหรูหราและมีมิติขึ้น
8 ประเภทใบหน้าตามแบบฉบับ Okada Jitsuko
1. Cute ใบหน้ากลม ดูน่ารักและอ่อนวัย
ใบหน้าประเภทนี้มีลักษณะเด่นคือโครงหน้าที่ค่อนข้างกลม หน้าผากกว้าง โหนกแก้มไม่ชัดเจนมากนัก และมักมีอวัยวะบนใบหน้าขนาดเล็ก เช่น ตา จมูก และปาก ดูรวม ๆ แล้วให้ความรู้สึกอ่อนเยาว์ สดใส และเป็นมิตร ลักษณะของใบหน้าที่ดูละมุนเช่นนี้เหมาะกับการแต่งหน้าโทนหวาน และสามารถใช้เทคนิคเพิ่มมิติให้ใบหน้าดูสมดุลขึ้น เช่น การเติมฟิลเลอร์บริเวณคางเพื่อให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น
2. Active Cute ใบหน้าสดใส ร่าเริง มีจุดเด่นชัดเจน
โครงสร้างใบหน้ามีความใกล้เคียงกับ Cute แต่มีองค์ประกอบบนใบหน้าที่โดดเด่นชัดเจนมากขึ้น เช่น ดวงตากลมโตและริมฝีปากที่ดูอวบอิ่มมากกว่า ทำให้ภาพรวมของใบหน้าดูมีชีวิตชีวาและสดใสกว่ากลุ่ม Cute ปกติ การเสริมความงามสำหรับใบหน้าประเภทนี้สามารถเน้นไปที่การปรับความสมดุลของสัดส่วน เช่น การเติมฟิลเลอร์ใต้ตาเพื่อให้ดูสดใส หรือการทำลิฟต์ติ้งใบหน้าเพื่อรักษาความกระชับของผิว
3. Fresh ใบหน้าที่ผสมระหว่างความกลมมนและความคมสวย
ใบหน้าประเภทนี้มีลักษณะกลมมนเหมือนกับ Cute แต่มีเส้นที่ชัดเจนขึ้นบางจุด เช่น สันจมูก หรือแนวขากรรไกร ทำให้ดูสดชื่น กระฉับกระเฉง และดูมีความเป็นธรรมชาติสูง ใบหน้าประเภทนี้เหมาะกับการแต่งหน้าสไตล์ธรรมชาติ (Natural Look) และสามารถใช้เทคนิคการยกกระชับผิว เช่น การใช้ไฮฟู (HIFU) หรือเทอร์มาจ (Thermage) หรือโปรแกรมโบกรอบหน้า เพื่อคงความเต่งตึงและกระชับของใบหน้าให้ดูสดใสอยู่เสมอ
4. Cool Casual ใบหน้าคม เท่ ดูสบาย ๆ
โครงหน้าประเภทนี้มีความเหลี่ยมหรือเป็นทรงยาว มีสันกรามที่คมชัด แต่โดยรวมให้ความรู้สึกที่เป็นกันเอง ไม่ดูเคร่งขรึมหรือเข้มข้นจนเกินไป เหมาะกับลุคสบาย ๆ หรือสไตล์บอยลิช (Boyish) ใบหน้าประเภทนี้อาจเหมาะกับการปรับแต่งรูปหน้าให้ดูสมดุลขึ้น เช่น การทำโปรแกรมโบท็อกซ์ลดกรามเพื่อช่วยให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น หรือการทำทรีตเมนต์บำรุงผิวให้ดูสดใสและมีสุขภาพดี.
5. Cool ใบหน้าคมชัด มีมิติ ดูสง่างาม
ใบหน้าประเภทนี้มีความเป็นผู้ใหญ่สูง โครงสร้างใบหน้ามีสัดส่วนที่ชัดเจน เช่น มีโหนกแก้มที่เด่นชัด คางเรียว และสันจมูกชัด ทำให้ดูมีมิติและเป็นธรรมชาติ ใบหน้าประเภทนี้สามารถเลือกการทำหัตถการที่ช่วยเพิ่มความสมดุล เช่น โปรแกรมการเติมฟิลเลอร์บริเวณขมับหรือใต้ตาเพื่อให้ใบหน้าดูละมุนขึ้น หรือการทำอัลเทอร่า (Ulthera) เพื่อช่วยยกกระชับใบหน้าให้ดูอ่อนกว่าวัย
6. Soft Elegant ใบหน้าผสมระหว่างความละมุนและความคม
โครงสร้างใบหน้าประเภทนี้มีทั้งความโค้งมนและความคมชัดอยู่บนใบหน้าเดียวกัน ทำให้ดูหรูหราและมีเสน่ห์แบบผู้หญิงที่มีความมั่นใจ แต่ยังคงไว้ซึ่งความอ่อนโยน เหมาะกับการแต่งหน้าและการแต่งตัวที่มีความเรียบหรูแต่ดูมีระดับ การทำหัตถการสำหรับใบหน้าประเภทนี้สามารถใช้เทคนิคการเติมฟิลเลอร์บริเวณคางหรือขมับเพื่อปรับให้ใบหน้าดูสมดุลและมีความละมุนมากขึ้น
7. Elegant ใบหน้าสง่า ดูหรูหรา มีระดับ
ใบหน้าประเภทนี้มีความโดดเด่นและสมดุลสูง โครงสร้างกระดูกมีความชัดเจน เช่น แนวกรามที่ดูสง่า สันจมูกโดดเด่น และสัดส่วนของใบหน้าที่ได้รูป เหมาะกับลุคที่ดูเป็นมืออาชีพและมีความมั่นใจ ใบหน้าประเภทนี้ไม่จำเป็นต้องทำหัตถการมากนัก อาจเน้นการดูแลผิวให้เรียบเนียนและกระจ่างใส เช่น การทำเลเซอร์ลดริ้วรอย หรือทรีตเมนต์ที่ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิว
8. Feminine ใบหน้าหวาน สวย เซ็กซี่ มีเสน่ห์
ใบหน้าประเภทนี้มีความโค้งมนสูง ให้ความรู้สึกอ่อนโยนและเป็นผู้หญิงอย่างชัดเจน โดยมักจะมีดวงตาที่ดึงดูด ริมฝีปากที่อวบอิ่ม และแนวกรามที่มีความโค้งมน ใบหน้าประเภทนี้เหมาะกับการแต่งหน้าที่ช่วยเน้นจุดเด่น เช่น การเพิ่มมิติให้ใบหน้าด้วยการไฮไลท์และเฉดดิ้ง หรือการเติมฟิลเลอร์ริมฝีปากเพื่อเพิ่มความเซ็กซี่และมีเสน่ห์
หลังเช็กรูปหน้าตัวเองและปัญหาผิวแล้ว สามารถแก้ไขด้วยวิธีใดได้บ้าง ?
เมื่อเข้าใจประเภทใบหน้าและปัญหาด้วยวิธีดูรูปหน้าตัวเองแบบ Okada Jitsuko ไปแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกแนวทางแก้ไขที่เหมาะสม ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการดูแลตัวเองด้วยสกินแคร์ การใช้เมคอัพและทรงผมเพื่อช่วยปรับรูปหน้า หรือการเข้ารับหัตถการความงามเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด ดังนี้
1. ปรับรูทีนการใช้สกินแคร์ดูแลผิว
การดูแลผิวเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้ใบหน้าดูสุขภาพดีและสมดุล การเลือกสกินแคร์ที่เหมาะสมกับปัญหาผิวของตัวเองจะช่วยปรับปรุงลักษณะใบหน้าให้ดูดีขึ้น ตัวอย่างเช่น
- ผิวหย่อนคล้อย มีอายุ : ควรใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนเปปไทด์ หรือเรตินอล เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและทำให้ผิวกระชับขึ้น
- ใบหน้าดูบวม : อาจเลือกใช้สกินแคร์ที่มีคาเฟอีนหรือสารสกัดจากชาเขียวที่ช่วยลดอาการบวมน้ำ
- ใบหน้าดูหยาบกร้าน ขาดน้ำ : ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้น เช่น ไฮยาลูรอนิก แอซิด หรือเซราไมด์ เพื่อให้ผิวดูอิ่มน้ำและเนียนนุ่มมากขึ้น
2. ใช้เมคอัพหรือทรงผมช่วยปรับรูปหน้า
หากยังไม่ต้องการเข้ารับการทำหัตถการ การใช้เทคนิคเมคอัพและการจัดทรงผมก็เป็นทางเลือกที่ดีในการปรับสมดุลของใบหน้าให้ดูสมส่วนขึ้น โดยอาศัยการวิเคราะห์รูปหน้าตามแนวคิดของ Okada Jitsuko และเลือกแก้ไขด้วยวิธีการตามตัวอย่าง ดังนี้
- ใช้เทคนิคคอนทัวร์ที่เน้นเงาบริเวณกรอบหน้าและใต้โหนกแก้ม เพื่อให้ใบหน้าดูมีมิติและเรียวยาวขึ้น
- ใช้บลัชออนแบบเฉียงขึ้นจะช่วยทำให้ใบหน้าดูสมดุล
- แต่งหน้าแบบเรียบหรูโดยใช้การไฮไลต์เพิ่มความสว่างให้กับจุดเด่นของใบหน้า
- ตัดผมแบบเลเยอร์หรือไล่ระดับด้านข้างเพื่อช่วยให้ใบหน้าดูแคบลง
- เลือกทรงผมที่มีปอยผมหรือหน้าม้าเบา ๆ เพื่อช่วยลดความแข็งของโครงหน้า
3. เข้าพบแพทย์ความงามเพื่อแก้ไขรูปหน้าอย่างตรงจุด
สำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขโครงหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ การเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามก็เป็นทางเลือกที่ดีอีกวิธีหนึ่ง เพราะนอกจากจะได้รับคำแนะนำว่าควรเลือกทำหัตถการแบบใดที่เหมาะกับใบหน้าของคุณแล้ว ยังสามารถแจ้งถึงความต้องการของตนเองได้อีกด้วย
- โปรแกรมฟิลเลอร์ (Filler) : เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเติมเต็มจุดที่ยุบหรือเสริมโครงหน้า เช่น เติมคางเพื่อให้หน้าเรียวยาวขึ้น เสริมขมับให้หน้าดูอ่อนเยาว์ หรือเติมใต้ตาเพื่อแก้ปัญหาตาลึกและหมองคล้ำ
- โปรแกรมโบท็อกซ์กรอบหน้า/ลดกราม : เหมาะสำหรับใบหน้าหย่อนคล้อย โบกรอบหน้าจะช่วยยกกระชับให้ดูเรียว ได้รูป สำหรับโปรแกรมโบลดกรามจะเหมาะกับคนที่มีลักษณะหน้าเหลี่ยมหรือกรามใหญ่จากกล้ามเนื้อเคี้ยว โบท็อกซ์จะช่วยลดขนาดของกล้ามเนื้อบริเวณกราม ทำให้ใบหน้าดูเรียวและสมดุลขึ้น
- โปรแกรมเครื่องยกกระชับ HIFU / Ulthera : เทคโนโลยียกกระชับใบหน้าที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยหรือต้องการปรับรูปหน้าให้ดูคมชัดขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด
การทำสวยอย่างมั่นใจเริ่มต้นจากการเข้าใจรูปหน้าของตัวเองก่อนตัดสินใจทำหัตถการ หากใครไม่สะดวกเช็กรูปหน้าตัวเอง สามารถเข้ารับคำปรึกษาและเลือกทำโปรแกรมหัตถการที่เหมาะสมได้ที่ Jairuk Clinic ที่นี่เรามีทั้งโปรแกรมโบกรอบหน้า ลดกราม ลดริ้วรอย โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ตลอดจนการทำเครื่องต่าง ๆ หากสนใจสามารถเข้ารับการ Consult และนัดหมายทำหัตถการโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ได้เลยที่
สาขาเกษตรนวมินทร์ โทร. 062-848-7799
สาขางามวงศ์วาน โทร. 093-636-5153
สาขาราชเทวี โทร. 062-747-1222
ข้อมูลอ้างอิง
- 8 Face Type Analysis ทำความรู้จักรูปหน้าของตัวเอง ช่วยให้แต่งตัวดูดียิ่งขึ้น ตามแบบฉบับ Okada Jitsuko. สืบค้นเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2568 จาก https://www.thereflectionistimage.com/content/10182/8-face-type-analysis-ทำความรู้จักรูปหน้าของตัวเอง-ช่วยให้แต่งตัวดูดียิ่งขึ้น-ตามแบบฉบับ-okada-jitsuko
Why Jairuk Clinic
เราเป็นคลินิคดูแลความงามครบวงจร ด้วยอุดมการณ์ที่จะมอบบริการที่ดีที่สุดให้ผู้เข้ารับบริการดูดีมากที่สุด
ในแบบที่คงความเป็นตัวของคุณเอง ช่วยเสริมความมั่นใจในแบบที่เป็นธรรมชาติ เน้นการแก้ไขปัญหาเฉพาะบุคคล
ที่ตอบโจทย์ผู้เข้ารับบริการที่มีปัญหารูปหน้าแตกต่างกันออกไป ไม่มีการขายคอร์สเกินความจำเป็นให้กังวลใจ