รู้จัก Golden Ratio สูตรความงามตามศาสตร์ปรับรูปหน้าสากล

ใบหน้าสัดส่วนทองคำ (Golden Ratio Face) คืออะไร?

ถึงแม้ความสวยของใบหน้าจะมีกรอบที่สังคมได้สร้างเอาไว้ แต่ที่จริงแล้ว มาตรฐานของความงามที่คนทั่วโลกต่างยอมรับและถูกนำมาใช้ในปัจจุบัน คือการนำศาสตร์ “Golden Ratio” ซึ่งเป็นสูตรความงามของสัดส่วนใบหน้าที่สมบูรณ์แบบ อีกทั้งยังเป็นเคล็ดลับการปรับรูปหน้าที่ถูกนำมาใช้เนรมิตให้กับเหล่าเซเลปและคนดังมากมาย ซึ่งคนทั่วไปอย่างเรา ๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน และถ้าใครฝันว่าอยากมีใบหน้าที่สมส่วน เข้ารูปทุกมุมมอง ต้องห้ามพลาดกับบทความนี้

รู้จัก Golden Ratio ใบหน้าสัดส่วนทองคำ

ทฤษฎีใบหน้าสัดส่วนทองคำ (Golden Ratio Face) คือ แนวคิดชื่นชมความงามผ่านความสมดุลของอัตราส่วนบนใบหน้า นิยมใช้ในขั้นตอนการทำหัตถการเพื่อความงาม ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดศัลยกรรม หรือการปรับรูปหน้าด้วยฟิลเลอร์ก็ตาม

เกณฑ์อัตราส่วนใบหน้าทองคำ

การใช้อัตราส่วนใบหน้าทองคำ จะใช้เกณฑ์ตัวเลขเป็นตัวกำหนดเพื่อความสมบูรณ์ ในอัตราส่วนที่ 1:1.618 โดยสามารถอธิบายได้ ดังนี้

  • ใบหน้าที่ตรงตามอัตราส่วนทองคำ ควรมีความยาวมากกว่าความกว้างประมาณ 1.5 เท่า
  • ระยะห่างจากไรผมถึงเปลือกตาบน ควรอยู่ที่ 1.618 เท่าของความยาวจากด้านบนของคิ้วถึงเปลือกตาล่าง
  • ระยะห่างจากด้านบนจมูกจนถึงกึ่งกลางริมฝีปาก ควรอยู่ที่ 1.618 เท่าของระยะห่างจากกึ่งกลางริมฝีปากถึงคาง
  • อัตราส่วนของริมฝีปากในอุดมคติ ควรเป็น 1:1.6 โดยริมฝีปากล่างจะต้องมีปริมาตรมากกว่าริมฝีปากด้านบนเล็กน้อย
  • ความยาวของหูควรได้สัดส่วนเท่ากับความยาวของจมูก เพื่อให้ภาพรวมของใบหน้าดูสมดุลและกลมกลืนกัน
  • ความกว้างของดวงตาควรเท่ากับระยะห่างโดยประมาณของดวงตาทั้งสองข้าง

เช็กลิสต์สัดส่วนใบหน้าให้เป๊ะตามศาสตร์ Golden Ratio

ในศาสตร์ความงามและการปรับรูปหน้า หลักการของ Golden Ratio ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ แต่จะต้องพิจารณาร่วมกันจากหลาย ๆ ส่วน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมดุลมากที่สุด โดยจะแบ่งวิธีการวัดสัดส่วนได้ทั้งหมด 3 แบบ ดังนี้

1. วัดจากความสมมาตร (Symmetry)

หลักการวัดจากความสมมาตร หรือความเท่ากันของใบหน้าทั้งสองข้าง โดยจะทำการตั้งเส้นกึ่งกลางให้เป็นแกนของใบหน้า เพื่อวัดความสมมาตรระหว่างใบหน้าด้านซ้ายและด้านขวา ซึ่งดูได้จากองค์ประกอบเหล่านี้

  • ดูจากความกว้างของใบหน้าส่วนบน (Upper Face) โดยวัดจากความกว้างของหน้าผาก และระยะห่างระหว่างดวงตา
  • ดูจากความกว้างของโหนกแก้ม (Middle Face) โดยวัดจากความกว้างและความสูงของโหนกแก้ม ทั้งเวลายิ้ม และในขณะหน้านิ่ง
  • ดูจากความกว้างของกรอบหน้า (Lower Face) โดยวัดจากความกว้างของกรอบหน้า ขนาดกราม ทั้งเวลายิ้มและขณะหน้านิ่ง

2. วัดตามแนวนอนของใบหน้า (Horizontal Grids)

สำหรับหลักการวัดตามแนวนอนของใบหน้านั้น จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ในอัตรา 1:1:1 ซึ่งใบหน้าที่สวยงามตามนิยามของ Golden Ratio คือใบหน้าที่มีความยาวเท่ากันในทุก ๆ ส่วน โดยการวัดแบบแนวนอน จะสามารถดูได้จากองค์ประกอบเหล่านี้

  • ใบหน้าส่วนบน (Upper Face) นับตั้งแต่ขอบไรผมจนถึงหัวคิ้ว ควรมีความกว้างเท่ากับส่วนอื่น ๆ ของใบหน้า เพราะมีความแคบมากเกินไปจะทำให้ใบหน้าดูสั้น แต่ถ้ามีความยาวมากเกินไปก็จะทำให้หัวดูเถิกได้
  • ใบหน้าส่วนกลาง (Middle Face) นับตั้งแต่ส่วนหัวคิ้วจนถึงปลายจมูก โดยความยาวในส่วนนี้จะบ่งบอกถึงความยาวของจมูกที่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้ใบหน้าดูหวานละมุน แต่ถ้าจมูกสั้นเกินไปจะทำให้เห็นรูจมูกได้ง่าย ในขณะเดียวกันถ้าจมูกยาวเกินไปก็จะทำให้ใบหน้าดูมีอายุได้
  • ใบหน้าส่วนล่าง (Lower Face) นับตั้งแต่ส่วนปลายจมูกไปถึงปลายคาง ซึ่งถ้าวัดออกมาแล้วแคบว่าสัดส่วนด้านบนและตรงกลาง ก็จะทำให้ใบหน้าดูกลม ไม่มีมิติ แต่ถ้ายาวเกินไปก็จะทำให้ใบหน้าดูแหลม ไม่ได้สัดส่วน

3. วัดตามแนวตั้งของใบหน้า (Vertical Grids)

นอกจากจะวัดตามแนวนอนของใบหน้าแล้ว ตามศาสตร์การปรับรูปหน้าแบบ Golden Ratio เพื่อให้ได้ความงามที่เหมาะสม ยังสามารถวัดตามแนวตั้งได้อีกด้วย โดยในการวัดแบบแนวตั้ง จะทำการวัดจากใบหน้าด้านซ้ายไปถึงด้านขวา เพื่อแบ่งออกเป็น 5 ส่วน ซึ่งแต่ละส่วนจะต้องมีความกว้างที่เท่า ๆ กัน ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะใช้เป็นเกณฑ์ในการดูความสมมาตร และความกว้างโดยรวมของใบหน้านั่นเอง

แต่โดยส่วนมากการวัดในแนวตั้ง จะมีปัญหาที่พบได้บ่อย ๆ กับคนที่มีลักษณะโครงหน้าชัด โหนกแก้มสูง เพราะจะทำให้ใบหน้าดูกว้างเกินไป ไม่ละมุน และดูหน้าดุ อีกทั้งในกรณีที่มีไขมันบนหน้าเยอะยังจะทำให้หน้าดูบาน ยิ่งเมื่อมีอายุมากขึ้น โครงหน้าแบบนี้ยังอาจจะต้องเจอกับปัญหาแก้มตอบ ที่ทำให้หน้าดูสูงวัยมากขึ้นด้วย

จะเห็นได้ว่า การปรับรูปหน้าตาม Golden Ratio เพื่อความงามอย่างสากลนั้น จำเป็นมากที่จะต้องพิจารณาจากความสมมาตรของใบหน้าและอวัยวะต่าง ๆ ในทุกมิติ เพื่อวิเคราะห์และเลือกหัตถการมาช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างเหมาะสม โดยผลลัพธ์ที่ได้ ใบหน้าก็จะสวยสมส่วน ไม่ขาดหรือไม่เกิน และดูเป็นธรรมชาติ

หัตถการที่ช่วยปรับรูปหน้าตามหลัก Golden Ratio ความงามที่สากลยอมรับ

สำหรับคนที่สนใจอยากปรับรูปหน้าให้สมส่วน แต่ไม่รู้ว่าจะมีหัตถการแบบไหนบ้างที่จะตอบโจทย์กับความต้องการ และสามารถช่วยแก้ไขปัญหาบนใบหน้าของเรา ซึ่งส่วนนี้ทางทีมแพทย์ของ Jairuk Clinic ได้รวบรวมรายการหัตถการแนะนำ โดยแบ่งเป็นตามสัดส่วนของใบหน้าเอาไว้ให้แล้ว ดังนี้

หัตถการช่วยแก้ไขให้ได้ใบหน้าสัดส่วนทองคำ

  • หัตถการแก้ปัญหาบริเวณใบหน้าส่วนบน (Upper Face)
    สำหรับปัญหาที่พบได้บ่อย ๆ บนใบหน้าส่วนบนนั้น จะเป็นเรื่องความกว้างและมิติของหน้าผาก จรดขมับ รวมไปถึงริ้วรอยต่าง ๆ ที่เป็นปัญหากวนใจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ด้วยโปรแกรมการเติมเต็มฟิลเลอร์ และโบท็อกซ์ลดริ้วรอยหน้าผาก
    โดยผลลัพธ์ที่ได้จากการทำสองโปรแกรมนี้ จะทำให้หน้าผากนูนโค้ง ได้มิติรับกับจมูกและคาง ขมับเต็มตื้น ช่วยยกกระชับใบหน้าส่วนล่าง ทำให้ดูอ่อนเยาว์ลง ในขณะเดียวกันโบท็อกซ์ก็จะไปคลายกล้ามเนื้อบริเวณหน้าผาก ทำให้ผิวดูกระชับขึ้น ริ้วรอยก็จะดูจางลง
  • หัตถการแก้ปัญหาบริเวณใบหน้าส่วนกลาง (Middle Face)
    ในส่วนของปัญหาใบหน้าส่วนกลางที่พบได้ในหลาย ๆ เคส มักจะเกิดจากปัญหาการสูญเสียปริมาตรของผิว ซึ่งจะเห็นได้อย่างชัดเจนในบริเวณใต้ตา หน้าแก้ม และแก้มตอบ ส่งผลให้ใบหน้าดูอิดโรย ไม่มีราศี ทั้งยังทำให้ดูมีอายุเพิ่มขึ้นอีกด้วย
    โดยหัตถการแนะนำสำหรับปัญหาเหล่านี้ จะเป็นโปรแกรมการเติมเต็มฟิลเลอร์ใต้ตาและแก้มส้ม ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาการสูญเสียปริมาตรใต้ชั้นผิวได้อย่างชัดเจน เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ใต้ตาจะดูอิ่มฟู แก้มอิ่ม ไม่ตอบ ไม่โทรม ได้ส่วน S Curve ที่รับกับใบหน้าอย่างเหมาะสม ช่วยลดวัย แถมยังทำให้ใบหน้าดูละมุน สดใสขึ้นอีกด้วย
  • หัตถการแก้ปัญหาบริเวณใบหน้าส่วนล่าง (Lower Face)
    ปิดท้ายที่ใบหน้าส่วนล่าง กับปัญหาคางสั้น คางตัด กรอบหน้าไม่ชัดที่พบได้บ่อย รวมไปถึงปัญหาความหย่อนคล้อยที่ทำให้เกิดกระเปาะแก้ม ตลอดจนร่องน้ำหมาก ร่องลึกต่าง ๆ ซึ่งทำให้ภาพรวมใบหน้าดูสั้น ไม่สมส่วน ในขณะเดียวกันยังทำให้ดูมีอายุขึ้นด้วย
    ซึ่งปัญหาในเรื่องนี้ สามารถแก้ไขได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมฟิลเลอร์เติมคางและกรอบหน้า ที่ช่วยเพิ่มความยาวของคาง เพิ่มความคมชัดระหว่างเส้นกรอบหน้าและคอ แก้ไขเหนียงจากความหย่อนยานของผิวได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ การเติมฟิลเลอร์บริเวณร่องตื้นยังจะช่วยให้ใบหน้าดูเต็มอิ่มอ่อนเยาว์ขึ้น ในขณะเดียวกัน โปรแกรมโบท็อกซ์ก็ยังมีประโยชน์ เพราะสามารถนำไปใช้ลดกรามที่ทำให้ใบหน้าดูใหญ่ ใช้ลิฟต์กระชับผิวกรอบหน้าให้ดูคมชัดมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการฉีดคลายกล้ามเนื้อคาง สำหรับคนที่มีคางยาวและทำให้หน้าดุอีกด้วย

โปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตา จุดเปลี่ยนที่ทำให้ใบหน้าดูเพอร์เฟกต์ตาม Golden Ratio

โปรแกรมการเติมฟิลเลอร์ใต้ตา ถือเป็นหัตถการที่ใช้สารไฮยาลูรอนิก แอซิด เข้ามาช่วยเติมเต็มปัญหาตาลึก ตาโหล และกลบร่องน้ำตา อีกทั้งยังช่วยจัดการกับปัญหาริ้วรอยบาง ๆ ได้อย่างแนบเนียน

ซึ่งแต่ละเคสจะมีการใช้ปริมาณ และผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่ไม่เหมือนกัน โดยจะขึ้นอยู่กับการประเมินปัญหาจากทีมแพทย์ หากมีความลึกมาก โดยเกิดจากการฝ่อและทรุดตัวของกระดูกเบ้าตา แพทย์จะเลือกใช้ฟิลเลอร์เนื้อแข็งเพื่อช่วยเติมเต็มตั้งแต่ชั้นกระดูก สร้างรากฐานและทดแทนมวลที่หายไป ก่อนจะเกลี่ยเก็บงานด้วยฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม เพื่อสร้างแสงและเงาให้ดูเต็มอิ่ม ไม่เป็นก้อน

โดยโปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตาถือเป็นการแก้ไขในบริเวณที่อยู่ตรง Middle Face ซึ่งใบหน้าส่วนกลางนี้จะเป็นจุดรวมของใบหน้า จึงสามารถช่วยเสริมให้อวัยวะในส่วนอื่น ๆ ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับช่วงหน้าแก้ม เพราะจะทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ สมดุลกันทั้งใบหน้าส่วนบนและส่วนล่าง เรียกได้ว่าแค่เติมในบริเวณเดียวก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ตรงตามหลักการใบหน้าสัดส่วนทองคำได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ปรับใบหน้าให้สวยละมุนตามศาสตร์ Golden Raito หลักเกณฑ์ความงามที่ยอมรับในระดับสากล ต้องมาที่ Jairuk Clinic กับโปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยเติมเต็มและลดริ้วรอย รวมไปถึงบริการปรับรูปหน้าในส่วนอื่น ๆ ที่จะดูแลตั้งแต่ขั้นตอนการ Consult ไปจนถึงการทำหัตถการโดยทีมแพทย์ชำนาญการ และยังมั่นใจได้ว่า ฟิลเลอร์ที่ใช้ได้ผ่านการรับรองมาตรฐาน อย. ไทยและสากล สนใจนัดหมายปรึกษาแพทย์ได้ที่ โทร : 062-848-7799, 093-636-5153 และ 062-747-1222

ข้อมูลอ้างอิง

1. Golden Face Ratio: What Is It and How to Achieve It. สืบค้นเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2567 จาก https://ciennaaesthetics.com.sg/golden-ratio-face-what-is-it-and-how-to-achieve-it/

เรื่องล่าสุด