เลือกอ่านหัวข้อที่น่าสนใจเกี่ยวกับการฉีดโบลดกราม
ฉีดโบลดกราม ปรับรูปหน้าเรียว
สำหรับสาว ๆ หรือหนุ่ม ๆ คนที่ไหนมีปัญหากรามใหญ่ หน้าไม่เรียว ไม่กระชับ แล้วรู้สึกขาดความมั่นใจ ต้องการหาวิธีรักษาที่ช่วยลดขนาดกรามและปรับรูปหน้าให้เรียวกระชับได้จริง “การฉีดโบลดกราม” อาจเป็นคำตอบที่คุณกำลังมองหาอยู่ ซึ่งใจรักษ์คลินิกจะพาคุณไปทำความรู้จักกับการทำหัตถการนี้โดยละเอียดเอง
บริการฉีดโบท็อกลดกราม ปรับรูปหน้าให้เรียวกระชับ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ใจรักษ์คลินิกให้บริการฉีดโบลดกราม ปรับรูปหน้าให้เรียวกระชับ ด้วย ABO Active โบท็อกซ์จากอังกฤษที่มีงานวิจัยรองรับจากคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาลว่า สามารถกระตุ้นเซลล์เพื่อสร้างคอลลาเจนได้ภายใน 10 ชั่วโมง ทำให้ช่วยยกกระชับใบหน้าได้อย่างรวดเร็ว ฉีดโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การันตีด้วยรีวิวฉีดโบท็อกซ์ลดกราม ลิฟกรอบหน้ามากมาย
รีวิวฉีดโบลดกราม ที่ใจรักษ์คลินิก
สำหรับใครที่อยากอ่านรีวิวฉีดโบลดกรามโดยละเอียด กดอ่านรีวิวได้ที่นี่
ฉีดโบลดกราม คืออะไร?
ฉีดโบลดกราม คือ การฉีดสารโบทูลินัมท็อกซินชนิดเอ (Botulinum Toxin A) หรือที่นิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า “โบท็อกซ์” ไปที่กล้ามเนื้อบริเวณกราม ซึ่งสารตัวนี้จะไปออกฤทธิ์ที่ระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณกรามหยุดทำงานและอ่อนแรงชั่วคราว ส่งผลให้กรามมีขนาดเล็กลง ใบหน้าดูเรียวขึ้น กรอบหน้าแลดูชัด และมีมิติมากขึ้น
ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีดโบลดกราม
การฉีดโบท็อกซ์ลดกรามสามารถทำได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง โดยจะเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหากรามใหญ่จากกล้ามเนื้อกรามเท่านั้น ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหากรามใหญ่จากโครงกระดูก ไขมัน หรือใบหน้าไม่เรียว ไม่กระชับ จากผิวหนังที่หย่อนคล้อย
สำหรับใครที่ไม่แน่ใจว่าตนเองมีปัญหากรามใหญ่จากกล้ามเนื้อ สามารถประเมินเบื้องต้นด้วยตนเองได้ง่าย ๆ โดยการใช้มือทั้งสองข้างจับช่วงกราม แล้วทำการกัดฟัน หรือขยับปาก หากพบว่ามีกล้ามเนื้อล้นออกมาจากมือก็แสดงว่า อาจมีกล้ามเนื้อที่เยอะเกินไป และสามารถแก้ไขได้ด้วยโบท็อกซ์
ขั้นตอนการฉีดโบลดกราม
สำหรับใครที่สนใจฉีดโบลดขนาดกราม สามารถติดต่อใจรักษ์คลินิกได้ทุกช่องทางการติดต่อเพื่อนัดวันตรวจประเมินกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้เลย โดยขั้นตอนการฉีดโบลดกราม มีดังนี้
- แพทย์ตรวจประเมินสภาพผิวหน้าและปัญหาของคนไข้โดยละเอียด พร้อมวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
- หากตรวจพบว่า ปัญหากรามใหญ่เกิดจากกล้ามเนื้อกราม ก็จะรักษาด้วยการฉีดโบทูลินัมท็อกซิน
- แพทย์จะทำการประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างฉีด สำหรับใครที่กลัวเจ็บ หรือกลัวเข็มมาก ๆ ก็สามารถใช้ยาชาชนิดทาได้
- แพทย์ทำการฉีดโบทูลินัมท็อกซินตามแผนการรักษาที่วางไว้ โดยจะใช้ระยะเวลารักษาประมาณ 30 – 60 นาที
- เมื่อฉีดโบลดขนาดกรามเสร็จแล้ว สามารถกลับบ้านได้ทันที โดยที่ไม่ต้องพักฟื้น
วิธีการดูแลตนเองหลังทำหัตถการ
เพื่อให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพมากที่สุด โบท็อกซ์อยู่ได้นานที่สุด และลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดโบลดขนาดกราม คุณจะต้องดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยแพทย์อาจแนะนำให้ดูแลตัวเองด้วยวิธีการต่อไปนี้
หลีกเลี่ยงการนอนราบใน 4 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันตัวยาเคลื่อนไปที่บริเวณข้างเคียง
- หลีกเลี่ยงการเคี้ยวของเหนียว หรือของแข็ง เช่น น้ำแข็ง หมากฝรั่ง ข้าวเหนียว
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัด ของหมักดอง
- งดการสูบบุหรี่ และการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ทั้งก่อนและหลังเข้ารับการรักษา
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก การนวด หรือถูหน้า หลังการรักษา เพราะอาจทำให้ตัวยาเคลื่อนที่ได้
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาพอากาศร้อนจัด เช่น การอบซาวหน้า อบไอน้ำ หรือทำทรีตเมนต์ที่มีความร้อน เพื่อยืดอายุของโบท็อกซ์ให้นานขึ้น
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังทำหัตถการ
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังจากฉีดโบลดขนาดกราม มีดังนี้
ผลข้างเคียงทั่วไปที่สามารถหายได้เอง : เช่น ปวดบริเวณที่ฉีด เกิดการอักเสบ ความรู้สึกน้อยลง บวม ผื่นแดง หรือมีเลือดออกบริเวณที่ฉีด
- ปากเบี้ยว : เกิดจากฉีดโบทูลินัมท็อกซินไปโดนกล้ามเนื้อบริเวณมุมปากอย่าง กล้ามเนื้อไรซอเรียส (Risorius) หรือ กล้ามเนื้อไซโกมาติก (Zygomatic) ซึ่งทำหน้าที่ในการขยับมุมปาก ทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อไม่เท่ากัน ส่งผลให้ปากสองข้างเบี้ยว และไม่สมมาตรกัน
- หน้าตอบ : เกิดจากการฉีดโบทูลินัมท็อกซินมากเกินไป หรือฉีดผิดตำแหน่ง
- มีเหนียงเยอะขึ้น : เกิดจากกรามที่คอยพยุงหนังยุบตัวลง ทำให้ผิวหนังหย่อนลงมา สามารถแก้ไขได้ด้วยการทำโบท็อกซ์ลิฟต์กรอบหน้าร่วมด้วย
- โบท็อกซ์ดื้อยา : เกิดจากการฉีดโบทูลินัมท็อกซินถี่เกินไป หรือเปลี่ยนยี่ห้อโบทูลินัมท็อกซินที่ใช้ฉีด
ข้อห้ามในการฉีดโบลดกราม
ผู้ที่มีข้อจำกัด หรือโรคต่อไปนี้ จะไม่สามารถฉีดโบทูลินัมท็อกซินได้ เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายถึงชีวิต ได้แก่
- ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เนื่องจากยังไม่มีการศึกษารับรองด้านความปลอดภัย
- ผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนผสมของโบทูลินัมท็อกซิน
- ผู้ที่เป็นโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด หรือโรคถุงลมโป่งพอง
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อในการกลืน
- ผู้ที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น โรคเอแอลเอส (ALS) โรคเอ็มจี (Myasthenia Gravis) หรือโรคเลมส์ (Lambert – Eaton Syndrome)
- ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่ต้องการฉีดโบทูลินัมท็อกซิน
- ผู้ที่มีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะ
รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดโบลดกราม
นอกจากข้อมูลที่ควรรู้เกี่ยวกับการฉีดโบลดขนาดกรามแล้ว เรายังได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์ลดกรามมาให้ด้วย ใครที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการฉีดโบลดกราม สามารถดูคำถามและคำตอบได้ที่นี่เลย
1. ฉีดโบท็อกซ์ลดกรามกับการร้อยไหม มีความแตกต่างกันอย่างไร?
การฉีดโบท็อกซ์ลดกราม เป็นการลดขนาดกล้ามเนื้อกรามให้เล็กลง เพื่อทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น ในขณะที่การร้อยไหม เป็นการใช้ไหมละลายร้อยเข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณต่าง ๆ แล้วเกี่ยวเอาเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อให้ยกขึ้นตามแนวเส้นไหม เพื่อยกกระชับผิวขึ้น
ทั้งสองหัตถการนี้มีเป้าหมายในการรักษาที่คล้ายคลึงกัน โดยเน้นไปที่การปรับรูปหน้าให้เรียวและยกกระชับขึ้น แต่จะแก้ปัญหาบริเวณที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้บริการสามารถฉีดโบลดขนาดกรามร่วมกับร้อยไหมได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษามากยิ่งขึ้น
2. ฉีดโบลดกรามกี่วันเห็นผล?
การฉีดโบลดขนาดกรามจะเริ่มเห็นผลภายใน 1 สัปดาห์ โดยกรามจะค่อย ๆ นิ่มขึ้น ไม่เด้ง และยุบตัวลงเล็กน้อย จะเห็นผลชัดเจนภายใน 1 – 2 เดือน และคงผลลัพธ์ได้นานประมาณ 4 – 6 เดือน
3. ฉีดโบลดกรามอันตรายไหม?
ในกรณีที่ฉีดกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ สถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน และใช้โบท็อกซ์ของแท้ที่ผ่านการรับรองจากอย. การฉีดโบลดขนาดกรามจะเป็นการทำหัตถการที่มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง และไม่ได้มีอันตรายแต่อย่างใด
4. ฉีดโบลดกรามต้องใช้กี่ยูนิต?
จำนวนยูนิตที่ต้องใช้จะขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล และการประเมินของแพทย์ แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว จะใช้โบท็อกซ์ประมาณ 100 ยูนิต
5. ฉีดโบลดกรามกินเหล้าได้ไหม?
ไม่แนะนำให้กินเหล้า หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ทุกชนิด ทั้งก่อนและหลังฉีดโบลดขนาดกราม อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้เส้นเลือดขยายตัวขึ้น ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการกระจายตัวของโบท็อกซ์ ทำให้ผลการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร หรือไม่เห็นผล
นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ยังส่งผลให้เลือดแข็งตัวช้าลง ทำให้เกิดเสี่ยงต่อการเกิดอาการบวมและช้ำจากรอยเข็มได้ง่าย รวมถึงกระตุ้นการขับธาตุสังกะสีออกมากปกติ และลดประสิทธิภาพการดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการซ่อมแซมบาดแผล เช่น กรดอะมิโน วิตามิน และแร่ธาตุ ซึ่งจะทำให้แผลหายช้าลงด้วย
6. ฉีดโบลดกรามราคาเท่าไร?
ราคาของการฉีดโบลดขนาดกรามจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อของโบท็อกซ์ที่เลือกใช้ โดยจะมีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 6,000 – 20,000 บาท สำหรับใครที่สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับทางใจรักษ์คลินิกได้เลย
สรุปเรื่องการฉีดโบลดกราม
จะเห็นได้ว่า การฉีดโบลดกราม เป็นการทำหัตถการที่ช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวและกระชับขึ้นจริง แต่ก็ไม่ได้เป็นวิธีรักษาที่เหมาะสำหรับทุกคน เพราะสามารถใช้แก้ปัญหาได้เฉพาะคนที่กรามใหญ่จากกล้ามเนื้อกรามเท่านั้น อีกทั้งในบางรายยังอาจต้องทำการรักษาร่วมกับการร้อยไหม ทำ Hifu หรือทำโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้า เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีที่สุดด้วย ดังนั้นจึงควรเลือกทำกับคลินิก หรือโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ดูแลรักษาโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการฉีดโบลดขนาดกราม มีภาพรีวิวที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างปลอดภัย คุ้มค่า และเห็นผลจริง