บอกลาปัญหาขอบตาดำ รู้สาเหตุเกิดจากอะไร พร้อมวิธีแก้ !

เจาะสาเหตุของปัญหาขอบตาดำ เกิดจากอะไร

“ปัญหาใต้ตาดำ” สามารถทำให้ใบหน้าดูอ่อนล้าและดูมีอายุได้อย่างคาดไม่ถึง ซึ่งตัวการที่เป็นสาเหตุของต้นเรื่องมีอยู่หลายปัจจัย และในบทความนี้เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจกับปัญหาใต้ตาดำกันให้มากขึ้น ไปดูกันว่าเกิดจากอะไร พร้อมวิธีช่วยแก้ปัญหาขอบตาดำคล้ำที่สร้างผลลัพธ์ได้ตรงใจ อย่าง “การเติมฟิลเลอร์ใต้ตา” ใครที่กำลังหนักใจกับปัญหานี้อยู่ ไม่ควรพลาดเลย

สาเหตุของขอบตาดำ เกิดจากอะไร?

ปัญหาขอบตาดำ ใต้ตาคล้ำ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ ทั้งจากภายในร่างกาย ตลอดจนพฤติกรรมและการใช้ชีวิต โดยสามารถรวบรวมออกมาได้หลัก ๆ ดังนี้

1. ปัญหาจากกรรมพันธุ์

กรรมพันธุ์นับเป็นสาเหตุหลักอันดับต้น ๆ ที่ทำให้หลายคนต้องเจอกับปัญหาขอบตาดำคล้ำ ที่ถูกถ่ายทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งอาจเกิดได้จากความผิดปกติของกระบวนการผลิตเม็ดสีบริเวณผิวใต้ตา หรืออาจเกิดจากปัญหาโครงสร้างของกระดูกบนใบหน้าที่ยุบตัวลง รวมไปถึงการมีโครงหน้าที่เป็นเบ้าลึก ทำให้ใต้ตาดูลึกและคล้ำนั่นเอง

2. ปัญหาจากอาการภูมิแพ้

สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้ ก็อาจทำให้เกิดอาการใต้ตาดำได้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากเส้นเลือดดำรอบดวงตาจะขยายใหญ่กว่าปกติ ทำให้เกิดอาการคันระคายเคือง ในขณะเดียวกันเลือดในร่างกายของคนเป็นภูมิแพ้ก็ไม่สามารถไหลเวียนได้ดี ประกอบกับอาการภูมิแพ้ที่ทำให้บริเวณตาและจมูกเกิดอาการบวม จนไปปิดกั้นเส้นทางการไหลเวียนเลือด ทำให้เกิดอาการเลือดคั่งใต้ผิวรอบดวงตา จนแสดงอาการทางกายภาพออกมาเป็นลักษณะของความดำคล้ำ ทำให้เบ้าตาดูลึก

3. ปัญหาจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ

ในกลุ่มคนที่มีปัญหาเรื่องการนอนหลับ ไม่สามารถหลับได้สนิท นอนไม่พอ นอนน้อย ก็ทำให้เกิดปัญหาใต้ตาดำได้เหมือนกัน เพราะการอดนอนจะทำให้บริเวณผิวใต้ตาเกิดความซีด และมีของเหลวคั่งค้าง โดยสามารถสังเกตได้จากอาการตาบวมที่จะพัฒนาไปเป็นรอยคล้ำรอบ ๆ ดวงตา

4. ปัญหาจากความเครียด

นอกจากนี้ ปัญหาขอบตาดำ ยังสามารถเกิดจากภาวะความเครียดได้อีกด้วย โดยความเครียดจะเข้าไปกระตุ้น ทำให้ร่างกายการสร้างเม็ดสีเมลานินเพิ่มขึ้น จะสังเกตได้ว่าเมื่อเราเกิดความเครียด ผิวจะดูหมองคล้ำ มีรอยดำ รวมถึงความไม่เสมอของสีผิวดูชัดขึ้น ตลอดจนมีอาการขอบตาดำคล้ำ เพราะการผลิตเม็ดสีที่มากเกินไป

5. ปัญหาจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น

แน่นอนว่าเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ร่างกายก็จะเริ่มเสื่อมถอย โดยเห็นได้ชัดจากปัญหาผิวต่าง ๆ ที่เริ่มปรากฏขึ้น เนื่องจากคอลลาเจนและไขมันที่ลดลง ส่งผลให้ผิวเกิดภาวะขาดความยืดหยุ่น ดูหย่อนคล้อย และผิวบางลงจนเห็นเส้นเลือดบริเวณใต้ตาอย่างชัดเจน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น จะเจอกับปัญหาถุงใต้ตาห้อย และขอบตาดำคล้ำดูเป็นเบ้าลึก

6. ปัญหาจากพฤติกรรมการขยี้ตา

เชื่อได้ว่าจะต้องมีหลายคนที่เคยได้ยิน เกี่ยวกับพฤติกรรมการขยี้ตาจนทำให้ผิวรอบดวงตาดำคล้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุที่เกิดขึ้นได้จริง เพราะการขยี้ตาแรง ๆ อาจทำให้เส้นเลือดฝอยใต้ตาเกิดการแตกและกลายเป็นเลือดคั่งบริเวณใต้ผิวได้ ซึ่งจากภายนอกก็จะเห็นเป็นรอยดำคล้ำบริเวณเบ้าตา

7. ปัญหาจากการตากแดด

ด้วยความที่ผิวบริเวณใต้ตาเป็นส่วนที่มีความบอบบางค่อนข้างมาก ทำให้เมื่อโดนแสงแดดบ่อย ๆ จะยิ่งทำให้ผิวเกิดปัญหาได้ง่ายขึ้น จนทำให้เห็นเส้นเลือดใต้ตาได้ชัด ส่งผลให้ใต้ตาดูหมองคล้ำจนยากที่จะหลีกเลี่ยง ในขณะเดียวกันแสง UV ก็มีส่วนไปกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินที่เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้ใต้ตาดูคล้ำอย่างชัดเจน

8. ปัญหาจากการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์

เพราะการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์จะเข้าไปทำลายสารต้านอนุมูลอิสระภายในร่างกาย อีกทั้งยังทำให้เส้นเลือดขยายตัวมากขึ้น จึงทำให้เห็นเป็นรอยขอบตาดำ และเกิดรอยคล้ำได้อย่างชัดเจน

9. ปัญหาที่เจอในขณะตั้งครรภ์

ระหว่างการตั้งครรภ์ ร่างกายจะเผชิญหน้ากับภาวะฮอร์โมนที่แปรปรวน ซึ่งอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ส่งผลให้เส้นเลือดใต้ผิวเกิดการขยายตัวจนเห็นได้ชัด ทำให้บริเวณใต้ตาที่มีผิวค่อนข้างบอกบางเห็นเป็นรอยคล้ำ ขอบตาดำ ซึ่งเกิดจากเส้นเลือดขยายตัวใหญ่ขึ้น

6 วิธีช่วยลดปัญหาขอบตาดำคล้ำ

สำหรับคนที่มีปัญหาขอบตาดำคล้ำจนดูโทรม มีอายุ และอยากรับมือด้วยแนวทางการดูแลตัวเอง ให้ผิวใต้ตากลับมาสว่างสดใสอีกครั้ง เราได้รวบรวมแนวทางการดูแลมาฝาก ซึ่งจะประกอบไปด้วย

  • พักผ่อนให้เพียงพอ ควรนอนวันละ 8 ชั่วโมง และไม่ควรเข้านอนหลังเที่ยงคืน
  • ลดความเครียด หากิจกรรมสร้างสรรค์ที่ตนเองชอบ เพื่อช่วยบรรเทาความเครียด ทั้งยังเป็นการขจัดสาเหตุที่ทำให้ฮอร์โมนในร่างกายแปรปรวน จนเส้นเลือดดำขยายตัว และทำให้ใต้ตาดูดำคล้ำ
  • งดการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงการทำลายสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้ผิวเข้าสู่ภาวะความชรา เกิดริ้วรอย และความหย่อนคล้อย ทั้งยังเป็นการลดโอกาสที่ทำให้เส้นเลือดขยายตัว ซึ่งส่งผลให้ผิวรอบดวงตาดูดำคล้ำ
  • ดูแลตัวเองด้วยการมาส์กใต้ตาแบบธรรมชาติ ใช้วิธีที่คุ้นเคยด้วยการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการลดความบวม และลดการขยายตัวของเส้นเลือดใต้ผิว มาช่วยประคบหรือวางมาส์กรอบดวงตา อาทิ แตงกวาฝานบาง ถุงชา และใบบัวบก เป็นต้น
  • ทำโปรแกรมเลเซอร์ IPL ลดรอยคล้ำใต้ตา โปรแกรมที่จะยิงพลังงานแสงเข้าไปจับเม็ดสีเมลานิน และเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนเพื่อทำลายเม็ดสีเหล่านั้น ส่งผลให้ผิวใต้ตาค่อย ๆ ดูกระจ่างใสขึ้น ซึ่งต้องใช้เวลาโดนประมาณ 4-6 ครั้งขึ้นไป ก็จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ชัดเจน
  • บำรุงผิวใต้ตาด้วยอายครีม ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณรอบดวงตาที่มีส่วนผสมของวิตามิน C, วิตามิน E, คาเฟอีน หรือไนอาซินาไมด์ ที่มีส่วนช่วยคืนความกระจ่างใสให้ผิว ช่วยจัดการเม็ดสีเมลานินให้ลดลง รวมถึงคืนความชุ่มชื้น ซึ่งจะทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น แก้ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา รวมถึงความหย่อนคล้อยที่จะทำให้กลายเป็นถุงใต้ตาได้ในอนาคต

โปรแกรมเติมฟิลเลอร์ใต้ตา วิธีรักษาที่ได้ผลแบบเร่งด่วน

แก้ปัญหาใต้ตาดำ ด้วยการเติมฟิลเลอร์ใต้ตา

โปรแกรมเติมฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นการฉีดสารเติมเต็มไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) เข้าไป เพื่อช่วยเติมเต็มบริเวณใต้ผิวให้อิ่มฟู ดูเต็ม และเต่งตึง ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาขอบตาดำคล้ำ ซึ่งเกิดจากการโครงกระดูกเบ้าตาลึก การยุบตัวของกระดูก และริ้วรอยต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี นับได้ว่าเป้นการแก้ปัญหาที่เห็นผลรวดเร็วทันทีหลังทำ ทั้งยังมีความปลอดภัยหากเข้ารับการทำหัตถการกับแพทย์ผู้มีประสบการณ์

ราคาโปรแกรมเติมฟิลเลอร์ใต้ตา

โดยส่วนมากราคาค่าใช้จ่ายของโปรแกรมการทำฟิลเลอร์บริเวณใต้ตา จะขึ้นอยู่กับปริมาณซีซีที่ใช้ โดยอ้างอิงจากปัญหาของแต่ละบุคคล ซึ่งจะดูจากความลึกของชั้นตา การยุบตัวของโครงหน้า ที่จะสืบเนื่องไปจนถึงการเลือกเนื้อผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับการแก้ปัญหา

ซึ่งในเคสที่ความลึกของเบ้าตามีค่อนข้างมาก เพราะมีทั้งการยุบตัวของกระดูก ร่วมกับการสูญเสียปริมาณบริเวณหน้าแก้ม ทำให้ต้องใช้ทั้งฟิลเลอร์เนื้อแข็งที่ขึ้นรูปได้ดีในการวางแนบชั้นกระดูก เพื่อสร้างโครง และใช้ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มในการเติมเต็มพร้อมช่วยเกลี่ยผิวใต้ตาให้เรียบเนียน เป็นต้น โดยเฉลี่ยราคาการเติมฟิลเลอร์จะเริ่มต้นตั้งแต่หลักพัน ไปจนถึงหลักหมื่นต่อซีซี ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ และเนื้อผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ในการรักษา

การเตรียมตัว และการดูแลตัวเองหลังเติมฟิลเลอร์ใต้ตา

การเตรียมตัวก่อนเติมฟิลเลอร์ใต้ตา

  • ปรึกษาแพทย์ แจ้งแพทย์เกี่ยวกับปัญหาใต้ตา ยาที่ทาน โรคประจำตัว
  • งดทานยาบางชนิด เช่น ยากลุ่มแอสไพริน ยาต้านการอักเสบ ยาละลายลิ่มเลือด
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ 1-3 วัน
  • พักผ่อนให้เพียงพอ ลดอาการบวมหลังฉีด
  • งดแต่งหน้า เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

การดูแลตัวเองหลังเติมฟิลเลอร์ใต้ตา

  • ประคบเย็น ลดอาการบวม แดง ช้ำ
  • งดนอนตะแคง และหลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ
  • งดสัมผัสใต้ตา ลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ 2 สัปดาห์
  • ทานยาตามแพทย์สั่ง
  • สังเกตอาการ บวม แดง ร้อน อักเสบ หากมีอาการเหล่านี้ควรไปพบแพทย์
  • ติดตามผลตามที่แพทย์นัดหมาย
  • หลีกเลี่ยงความร้อน
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก

สนใจวิธีการแก้ขอบตาดำด้วยการเติมฟิลเลอร์ใต้ตา ปรึกษาได้ที่ Jairuk Clinic คลินิกความงามที่พร้อมดูแลตั้งแต่ขั้นตอนการ Consult ไปจนถึงการทำหัตถการโดยทีมแพทย์ชำนาญการ พร้อมมั่นใจด้วยการใช้ฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน อย. และสากล สนใจนัดหมายปรึกษาแพทย์ได้ที่ โทร : 062-848-7799, 093-636-5153 และ 062-747-1222

ข้อมูลอ้างอิง

เรื่องล่าสุด