หากส่องกระจกแล้วสังเกตเห็นถึงถุงใต้ตาบวมคล้ำ จนทำให้ดวงตาดูไม่สดใส ย่อมเป็นหนึ่งในปัญหาที่ทำให้หลายคนกังวลใจ เพราะถุงใต้ตาที่บวมขึ้นมา นอกจากจะทำให้ใบหน้าของเราดูเหนื่อยล้าอิดโรยแล้ว ยังทำให้เราดูแก่ขึ้นด้วย จนหลายคนอยากจะหาวิธีแก้ไขเพื่อเรียกความอ่อนวัยให้กลับคืนมา แต่บริเวณรอบดวงตาก็ถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีความบอบบาง จึงต้องใช้ความระมัดระวังในการดูแลรักษา บทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับลักษณะปัญหา สาเหตุ พร้อมวิธีบรรเทาอาการถุงใต้ตาบวมให้ลดน้อยลง เพื่อการแก้ปัญหาอย่างถูกต้องและตรงจุด
ถุงใต้ตาบวมเกิดจากอะไร ?
ถุงใต้ตาบวมเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โดยสาเหตุของถุงใต้ตาบวมนั้นมีอยู่หลายปัจจัยด้วยกัน โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่
- ถุงใต้ตาเทียม (False Eye Bags) มีลักษณะบวมเฉพาะบริเวณใต้ตา มักเกิดขึ้นในช่วงเช้าและจะหายไปเองเมื่อพักผ่อน ซึ่งเกิดจากสาเหตุชั่วคราว เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ การใช้สายตามากเกินไป การขยี้ตา การร้องไห้ การแพ้สารต่าง ๆ หรือการดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- ถุงใต้ตาแท้ (True Eye Bags) มีลักษณะบวมถาวร มักเกิดขึ้นร่วมกับการหย่อนคล้อยของผิวหนังและกล้ามเนื้อบริเวณใต้ตา ส่งผลให้ใต้ตาดูคล้ำและโทรม ซึ่งอาจเกิดได้จากสาเหตุต่าง ๆ เช่น กรรมพันธุ์ การหย่อนคล้อยของผิวหนังและกล้ามเนื้อบริเวณใต้ตา รวมถึงการมีไขมันใต้ตาสะสมมากเกินไปด้วย
วิธีลดถุงใต้ตาบวมที่ทำเองได้
หากต้องการบรรเทาอาการถุงใต้ตาเทียมที่เกิดจากการใช้ชีวิตไม่เหมาะสม สามารถทำได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและดูแลรอบดวงตาด้วยตนเอง ดังนี้
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน การนอนหลับอย่างเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูและซ่อมแซมตัวเอง เพื่อลดอาการบวมใต้ตา
- หลีกเลี่ยงการขยี้ตาบ่อย ๆ เนื่องจากอาจทำให้เส้นเลือดฝอยใต้ตาแตก ส่งผลให้เกิดการบวมใต้ตาได้
- ลดการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้เกิดอาการบวมน้ำจนส่งผลต่อถุงใต้ตา
- หลีกเลี่ยงการใช้สายตาหนัก ที่ทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาทำงานหนัก ส่งผลให้เกิดการบวมใต้ตาได้
ดูแลรอบดวงตา
- หมั่นประคบดวงตา ด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเพื่อช่วยบรรเทาอาการบวม โดยประคบบริเวณรอบดวงตาประมาณ 10-15 นาที เป็นประจำทุกวัน
- ทาครีมบำรุงรอบดวงตา ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวรอบดวงตา ก็จะทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น โดยเลือกครีมบำรุงรอบดวงตาที่มีส่วนผสมช่วยกระชับผิวและลดเลือนริ้วรอยร่วมด้วย
ลดถุงใต้ตารวดเร็วทันใจด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคล้ำ !
แน่นอนว่า เราสามารถหาวิธีช่วยลดถุงใต้ตาบวมด้วยตัวเองได้ แต่อาจต้องใช้เวลานาน อีกทั้งอาการถุงใต้ตาบวมที่เกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างใต้ตา เช่น การหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อหรือผิวหนังรอบดวงตา ถุงไขมันใต้ตาที่โป่งนูนจนเห็นชัดเจน ก็อาจต้องได้รับการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญ หากต้องการเห็นผลลัพธ์ชัดเจน การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาก็นับเป็นวิธีที่น่าสนใจทีเดียว
ฟิลเลอร์ช่วยแก้ไขปัญหาถุงใต้ตาบวมได้อย่างไร ?
ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มชนิดหนึ่ง ที่ทำจากกรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกายมนุษย์ โดยมีคุณสมบัติสำคัญในการดูดซับน้ำ จึงสามารถช่วยเติมเต็มร่องลึกและรอยย่นต่าง ๆ รวมไปถึงบริเวณถุงใต้ตาได้เป็นอย่างดี ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยเติมเต็มร่องลึก ส่งผลให้ถุงใต้ตาดูลดลง นอกจากนี้ ยังจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวรอบดวงตา ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและสดใสขึ้นด้วย
ข้อควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินสภาพปัญหาถุงใต้ตาและเลือกชนิดฟิลเลอร์ที่เหมาะสม รวมไปถึงเตรียมความพร้อมทั้งก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์ ดังนี้
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- งดยาบางชนิด เช่น ยากลุ่มต้านอักเสบ ยาแอสไพริน หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีฤทธิ์ทำให้เลือดหยุดไหลยาก อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- แจ้งแพทย์ถึงประวัติการแพ้ยา หรือสารที่อาจก่อให้เกิดการแพ้
- งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด รวมถึงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนฉีด
- หลีกเลี่ยงการนวดหน้าและการทำเลเซอร์ต่าง ๆ เพื่อลดการระคายเคืองที่อาจจะเกิดขึ้นหลังฉีด อย่างน้อย 3 วัน
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ประคบเย็นบริเวณที่ฉีด เพื่อลดอาการบวมช้ำ
- หลีกเลี่ยงการนอนราบ งดใช้ครีมบำรุง หรือเครื่องสำอาง อย่างน้อย 12 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสอย่างรุนแรงบริเวณที่ฉีด เช่น การจับ การแตะ การเกา การกด โดยเฉพาะจุดที่มีรอยช้ำ รวมถึงการขยี้ตา
- อยู่ห่างจากความร้อนทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นการเข้าซาวน่า การออกกำลังกายหนัก การตากแดด หรือกินปิ้งย่างชาบู อย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังฉีด
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อย 2 ลิตรต่อวัน
- งดอาหารหมักดอง หรือของแสลง รวมถึงอาหารรสจัด เผ็ด หวาน เค็ม อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดการดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1 สัปดาห์
การเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ใต้ตาเป็นบริเวณที่เปราะบางและต้องการการดูแลเป็นพิเศษ หากฉีดไม่ถูกจุด หรือแพทย์มีความชำนาญไม่มากพอ ก็อาจทำให้ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์ไม่เป็นไปอย่างที่เราต้องการ อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการโดนเส้นเลือด จึงต้องใส่ในใจการเลือกคลินิก เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง
เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน
ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและน่าเชื่อถือ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่อไปนี้
- คลินิกเปิดให้บริการอย่างถูกต้อง มีการแสดงภาพถ่าย ชื่อ และเลขที่ใบอนุญาตของผู้ประกอบการให้เห็นชัดเจน
- แพทย์ประจำคลินิก มีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา รู้เทคนิคและตำแหน่งที่ฉีดอย่างเหมาะสม
- ใช้ฟิลเลอร์แท้ มีคุณภาพ ผ่านการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าปลอดภัย โดยมีวิธีตรวจสอบ ดังนี้
- บรรจุภัณฑ์ของฟิลเลอร์แท้จะต้องไม่มีรอยฉีกขาด หรือร่องรอยบุบสลาย
- ฟิลเลอร์แท้จะต้องได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยเลขทะเบียน อย. จะระบุอยู่ที่บรรจุภัณฑ์และเอกสารกำกับยา
- เอกสารกำกับยาต้องมีข้อมูลครบถ้วน ซึ่งนอกจากเลขที่ทะเบียน อย. ยังจะต้องมีรายละเอียดอื่น ๆ ด้วย เช่น ชื่อยา ผู้ผลิต วิธีใช้ ข้อควรระวัง
- ฟิลเลอร์แท้จะมีเนื้อเนียนนุ่ม ไม่เป็นก้อน และไม่ไหลเยิ้ม
- มีความน่าเชื่อถือ สามารถดูรีวิวจากผู้รับบริการจริงในช่องทางต่าง ๆ เช่น Facebook Fanpage, Pantip หรือช่องทางอื่นที่มีรูปรีวิวชัดเจน เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่แท้จริงของแต่ละเคส
เทคนิคที่น่าสนใจ
นอกจากการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานแล้ว เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาก็มีความสำคัญอย่างมากต่อผลลัพธ์ที่ได้ เพราะหากเทคนิคการฉีดไม่ดี อาจทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ เช่น ฟิลเลอร์เคลื่อนตัวผิดตำแหน่ง เกิดก้อนแข็ง เกิดรอยเขียวช้ำ หรือเกิดการติดเชื้อได้ ซึ่งเทคนิคจะขึ้นอยู่กับความชำนาญของแพทย์ โดยคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งในการฉีด หรือความเชี่ยวชาญของแพทย์ ซึ่งในปัจจุบันมีเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาหลากหลายวิธี เช่น เทคนิคการฉีดแบบชั้นต่อชั้น เทคนิคการฉีดแบบเทคนิค 3D และเทคนิคการฉีดแบบเทคนิคคลิฟติ้ง โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและเลือกเทคนิคที่เหมาะสมที่สุดให้กับแต่ละคน
แก้ปัญหาถุงใต้ตาบวมให้เห็นผลลัพธ์อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคล้ำอย่างปลอดภัย ที่ Jairuk Clinic ซึ่งดำเนินการโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้วยฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน อย. และสากล สามารถตรวจสอบได้ อีกทั้งยังตอบโจทย์ผู้เข้ารับบริการที่มีปัญหาแตกต่างกันออกไป เน้นการแก้ไขปัญหาเฉพาะบุคคล โดยช่วยดูแลตั้งแต่การวิเคราะห์ปัญหา ให้คำปรึกษาและติดตามผล สนใจนัดหมายปรึกษาแพทย์ได้ที่ โทร : 062-848-7799, 093-636-5153 และ 062-747-1222
ข้อมูลอ้างอิง
- Dermal Fillers for the Treatment of Tear Trough Deformity: A Review of Anatomy, Treatment Techniques, and their Outcomes. สืบค้นเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2567 จาก https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3560162/