ร่องแก้มลึก แก้มห้อย แก้ได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มคืออะไร ?

การฉีดหรือเติมฟิลเลอร์ร่องแก้ม คือ การฉีดสารเติมเต็มในกลุ่ม Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารที่มีความปลอดภัยสูง สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ และไม่ตกค้างในร่างกาย เข้าไปเติมเต็มผิวหนังบริเวณร่องแก้ม หรือผิวหนังบริเวณอื่นที่ยุบตัวลง เพื่อช่วยกักเก็บน้ำไว้ในชั้นใต้ผิวหนัง ทำให้ร่องแก้มที่ลึกดูตื้นขึ้น ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลง และเรียบเนียน

ลักษณะร่องแก้มที่สวย และส่งเสริมโหงวเฮ้งเป็นอย่างไร ?

ตามหลักโหงวเฮ้งแล้ว แก้มที่ดีจะต้องเป็นแก้มที่เอิบอิ่ม ไม่ตอบจบเกินไป และรับกับแนวกรามไม่หย่อนคล้อย อีกทั้งไม่ควรมีร่องแก้มหรือร่องมุมปากที่ลึกจนเกินไป โดยผู้ที่มีแก้มที่อิ่มเอิบไม่ห้อย ไม่ตอบ ไร้ร่องลึก ตามหลักโหงวเฮ้งจะมีบริวารที่ซื่อสัตย์ พึ่งพาได้ และมีชีวิตที่สุขสบาย

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเหมาะกับใคร ?

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาร่องแก้มลึก ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ๆ ดังนี้

1. ผู้ที่มีร่องแก้มจากการยุบตัวของกระดูกบริเวณใต้ตา

กระดูกบริเวณใต้ตาจะเกิดการยุบตัวลงเมื่อเราอายุเพิ่มมากขึ้น โดยจะพบในผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ซึ่งการที่กระดูกบริเวณใต้ตาที่ทำหน้าที่พยุงแก้มด้านบนไว้ยุบตัวลง จะส่งผลให้เนื้อแก้มด้านบนหย่อนลงมาเหนือร่องแก้ม และทำให้ร่องแก้มดูลึกขึ้น

ผู้ที่มีร่องแก้มลึกในกลุ่มนี้นั้น สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์เติมบริเวณร่องแก้มและบริเวณใต้ตาไปพร้อม ๆ กัน เพื่อเติมเต็มช่องว่างที่เกิดขึ้นจากกระดูกบริเวณใต้ตายุบตัวลง ก็จะช่วยดึงโครงสร้างผิวโดยรวมทั้งขึ้นไปด้านบน และทำให้ร่องแก้มดูตื้นขึ้นได้

2. ผู้ที่มีร่องแก้มจากการยุบตัวของกระดูกบริเวณร่องแก้มโดยตรง

ปัญหาร่องแก้มจากการยุบตัวของกระดูกบริเวณร่องแก้มโดยตรงมักพบในผู้ที่มีอายุ 20 – 30 ปี โดยลักษณะของร่องแก้มจะยังไม่ลึกมาก สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์บริเวณร่องแก้มเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว

3. ผู้ที่มีร่องแก้มจากการยิ้มบ่อย ๆ จนทำให้กล้ามเนื้อที่ดึงร่องแก้มแข็งแรงเกินไป

ปัญหาร่องแก้มจากการยิ้ม พูดคุย และแสดงสีหน้าสามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์กดกล้ามเนื้อด้วยเทคนิค Myomodulation ร่วมกับการฉีดโบท็อกซ์ปริมาณน้อยมาก ๆ ลงไปในชั้นผิวหนัง เพื่อทำให้เส้นใยกล้ามเนื้อที่มาเกาะกับผิวหนังชั้นบนคลายตัว โดยที่ไม่ทำให้กล้ามเนื้อชั้นล่างคลายไปด้วย เรียกการฉีดโบท็อกซ์วิธีนี้ว่า “Dermotoxin”

4. ผู้ที่มีร่องแก้มจากการที่ผิวแห้งมาก

ผู้ที่มีผิวแห้งมาก ไม่ว่าจะเกิดจากการไม่ทาครีมมอยส์เจอไรเซอร์ ดื่มน้ำน้อย หรือตากแดดบ่อยเกินไป จะทำให้ผิวบริเวณร่องแก้มบางลง เกิดรอยพับได้ง่ายกว่าปกติ และทำให้เกิดร่องแก้มลักษณะริ้ว ๆ ตื้น ๆ ซึ่งสามารถแก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มความชุ่มชื้นใต้ชั้นผิวหนังโดยตรงได้เช่นกัน

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

วิธีการเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์บริเวณร่องแก้ม มีดังนี้

• งดรับประทานยา หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนค พอนสแตน วิตามินอี น้ำมันปลา ใบแปะก๊วย โสม St. John’s wort น้ำมันกระเทียม เพราะจะทำให้เลือดหยุดไหลช้า และมีอาการบวมช้ำมากกว่าปกติ
• งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น ซาวน่า หรือออกกำลังกายหนัก อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนทำหัตถการ
• งดทายาที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น Tretinoin (Retin-A), Retinols, Retinoids หรือ Glycolic Acid อย่างน้อย 3 วันก่อนทำหัตถการ
• งดแว็กซ์ผิว ขัดผิว สครับผิว นวดหน้า โกนขน ดึงขน หรือเลเซอร์ อย่างน้อย 3 วันก่อนทำหัตถการ
• หากมีโรคประจำตัว ยาที่รับประทานประจำ หรือมีประวัติแพ้ยา จะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน
• ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ควรอดนอน ก่อนวันทำหัตถการ

การดูแลตนเองหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

วิธีการดูแลตนเองหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเพื่อลดริ้วรอย และยกกระชับแก้มที่หย่อนคล้อย มีดังนี้

• ในช่วง 12 ชั่วโมงแรกหลังทำหัตถการ ควรหลีกเลี่ยงการนอนราบ งดแต่งหน้า และงดใช้ครีมบำรุงทุกชนิด
• ในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลังทำหัตถการ ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก การสัมผัสความร้อน และการถูหน้าแรง ๆ
• ในช่วง 1 – 2 วันแรกหลังทำหัตถการ อาจมีอาการปวด สามารถรับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการได้
• ในช่วง 2 สัปดาห์แรก ควรหลีกเลี่ยงการทำหัตถการอื่น ๆ เช่น ทำ HIFU เลเซอร์หน้า ฉีดฝ้า หรือฉีดโบทูลินัมท็อกซิน
• หลีกเลี่ยงการเข้าซาวน่า อบไอน้ำ หรือการล้างหน้าด้วยน้ำร้อน เพื่อยืดอายุของฟิลเลอร์ให้นานมากขึ้น
• หลีกเลี่ยงการแตะ แกะ เกา กด หรือนวด บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ แม้ว่าจะมีอาการคันมากก็ตาม
• ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ อย่างน้อย 2 ลิตรต่อวัน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดไปอุ้มน้ำและฟูมากขึ้น

ผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังจากฉีดฟิลเลอร์บริเวณร่องแก้ม มีดังนี้

• ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป : เช่น บวม แดง คัน เขียวช้ำ ตึงบริเวณที่ฉีด เป็นอาการที่จะค่อย ๆ ดีขึ้นเองภายใน 2 – 3 วัน
• ฉีดฟิลเลอร์แล้วร่องลึกกว่าเดิม อาจเกิดขึ้นจากการฉีดฟิลเลอร์ผิดตำแหน่ง หรือฉีดผิดชั้นผิว
• ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน อาจเกิดจากการขาดความชำนาญของแพทย์ เลือกใช้ชนิดของฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว หรือฉีดฟิลเลอร์ผิดตำแหน่ง สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดสลายฟิลเลอร์
• ผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย เช่น ปวด แดง มีการติดเชื้อ ผิวหนังบริเวณที่ฉีดมีสีคล้ำ ซีด และปวดมาก เกิดจากฟิลเลอร์เข้าไปอุดตันเส้นเลือด จะต้องรักษาโดยการฉีดสลายฟิลเลอร์ทันที

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มราคาเท่าไร?

ราคาการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มร่องลึกบริเวณร่องแก้ม จะอยู่ที่ประมาณ 9,900 – 20,000 บาท ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ และจำนวน CC ที่ใช้ หากอยากทราบราคาที่แน่นอน สามารถเข้ามาให้แพทย์ประเมินที่ใจรักษ์คลินิกก่อนได้

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มที่ไหนดี?

การเลือกคลินิก หรือโรงพยาบาลที่ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มนั้น ควรเลือกจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่

• ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดสามารถตรวจสอบข้อมูลได้จริง มั่นใจว่าเป็นของแท้อย่างแน่นอน
• สามารถตรวจสอบประวัติแพทย์ที่ให้บริการผ่านฐานข้อมูลแพทยสภาได้
• สถานที่เข้ารับบริการได้มาตรฐานระดับสากล สะอาด ปลอดภัย มีใบอนุญาตอย่างถูกต้อง

สำหรับใครที่สนใจฉีดฟิลเลอร์เพื่อแก้ไขปัญหาร่องแก้มลึก สามารถเข้ามาขอรับคำปรึกษากับแพทย์ที่ใจรักษ์คลินิกได้เลย เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการฉีดฟิลเลอร์คอยดูแลทุกเคสด้วยความใส่ใจ มั่นใจได้เลยว่า จะได้รับการดูแลที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด

รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

นอกจากข้อมูลที่ควรรู้เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มร่องลึกบริเวณแก้มแล้ว เรายังได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มมาให้ด้วย ใครที่มีข้อสงสัย สามารถดูคำถามและคำตอบได้ที่นี่เลย

1. เลือกฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มยี่ห้อไหนดี?

ที่ใจรักษ์คลินิก เราเลือกใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane จากประเทศสวีเดน ซึ่งเป็นฟิลเลอร์ที่มีการผลิตมาอย่างยาวนาน และเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย ผ่านการรับรองจาก FDA มี 2 เทคโนโลยีขนาดโมเลกุลที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ ได้แก่ NASHA technology และ OBT technology ทำให้มีคุณสมบัติที่สามารถฉีดได้ในหลากหลายบริเวณ ช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพที่ มีความปลอดภัยสูงสุด เสี่ยงต่อการเกิดการระคายเคืองได้น้อย

2. ฟิลเลอร์ร่องแก้มใช้กี่ CC?

ปริมาณของฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีด จะขึ้นอยู่กับระดับความลึกของร่องแก้ม หากมีร่องแก้มไม่ลึกมาก จะใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1 – 2 CC แต่ถ้าร่องแก้มลึกมาก ๆ โดยเฉพาะในคนที่มีอายุมากกว่า 50 ปี อาจใช้ปริมาณฟิลเลอร์มากถึง 4 CC

3. ฟิลเลอร์ร่องแก้มอันตรายไหม?

ฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่ค่อนข้างอันตราย หากทำโดยแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญด้านการฉีดฟิลเลอร์ หรือใช้ฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ เช่น ซิลิโคนเหลว หรือน้ำมันพาราฟิน โดยจะเสี่ยงทำให้เกิดการติดเชื้อ ตาบอด ฟิลเลอร์เป็นก้อน หรือหน้าผิดรูปถาวรได้

ดังนั้นจึงควรเลือกทำกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์สูง ฉีดในคลินิกที่ได้มาตรฐาน สะอาด ปลอดเชื้อ และใช้ฟิลเลอร์ของแท้ ก็จะช่วยให้การทำหัตถการมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

4. ฟิลเลอร์ร่องแก้มเป็นก้อนควรทำอย่างไรดี?

การฉีดฟิลเลอร์บริเวณร่องแก้ม แล้วเป็นก้อน ไม่เป็นธรรมชาติ สามารถแก้ไขด้วย 3 วิธี ได้แก่

• การฉีดสลายฟิลเลอร์ด้วยเอ็นไซม์ไฮยาลูโรนิเดส ( Hyaluronidase : HYAL) : ทำได้เฉพาะในกลุ่มที่ใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ทำมาจาก Hyaluronic Acid (HA)
• ฉีดฟิลเลอร์ทับบริเวณที่มีปัญหา : ทำได้เฉพาะที่เป็นก้อนเล็ก ๆ เท่านั้น แต่เป็นวิธีรักษาที่ให้ผลลัพธ์ชั่วคราว หากผ่านไป 2 – 3 เดือนก็สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีก
• ผ่าตัดขูดฟิลเลอร์ออก : จะทำในผู้ที่ใช้ฟิลเลอร์ของปลอมที่ไม่สามารถฉีดสลายได้ หรือฟิลเลอร์ที่เป็นก้อนขนาดใหญ่และมีความแข็งมาก

5. ฟิลเลอร์ร่องแก้มกี่วันเห็นผล?

การฉีดฟิลเลอร์บริเวณร่องแก้มจะเห็นการเปลี่ยนแปลงทันทีหลังทำ และจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนภายใน 2 – 3 สัปดาห์

6. ฟิลเลอร์ร่องแก้มอยู่ได้นานแค่ไหน?

ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์จะอยู่ได้ประมาณ 12 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ และการดูแลสภาพผิวและสุขภาพร่างกายของแต่ละบุคคล

สรุปเรื่องการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เป็นวิธีที่ช่วยแก้แก้มห้อย และปัญหาร่องแก้มลึกได้จริง แต่ควรเลือกฉีดกับคลินิกและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น โดยผู้ที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์บริเวณร่องแก้มจึงควรศึกษารายละเอียดต่าง ๆ ให้ดีก่อนเข้าใช้บริการ เลือกทำกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ ใช้ฟิลเลอร์ของแท้ที่สามารถตรวจสอบได้จริง และฉีดในห้องปฏิบัติการที่สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐานในระดับสากล ก็จะช่วยให้การทำหัตถการฟิลเลอร์มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นนั่นเอง