ไวรัสโคโรนา (Coronavirus) คืออะไร และ10 วิธีป้องกันตัวเองให้รอดจาก “ไวรัสโคโรน่า”

ไวรัสโคโรนา คืออะไร ??

ไวรัสโคโรนา คือ  โรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ เกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า Corona Virus [CoV] ซึ่งไวรัสตัวนี้อยู่ในตระกูลเดียวกันกับไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคซาร์ส (SARS) หรือโรคเมอร์ส (MERS) ซึ่งเป็นโรคระบาดหนักใน 37 ประเทศทั่วโลก เมื่อปี 2002 – 2003 ที่ผ่านมานั่นเอง

ไวรัสโคโรนามาจากไหน ??


สำหรับโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่งค้นพบนี้  มีชื่อสายพันธุ์ว่า 2019nCoV (ซึ่ง ณ ตอนนี้ยังไม่ใช่ชื่อเรียกของสายพันธุ์อย่างเป็นทางการ) ด้านนักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบ ตั้งข้อสันนิษฐานว่า เชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้มาจากไวรัสในค้างคาวที่กลายพันธุ์ โดยมีงูเป็นตัวกักเก็บและแพร่เชื้อ
งานวิจัยล่าสุดจากจีน เชื่อว่าคนติดเชื้อนี้มาจากงูสามเหลี่ยมที่กินค้างคาวเป็นอาหาร คาดว่าเชื้อแพร่กระจายมาจากตลาดขายอาหารทะเลและสัตว์ป่าในเมืองอู่ฮั่นประเทศจีน ซึ่งมีการลักลอบค้สัตว์ป่าผิดกฏหมายด้วย
ในตอนแรกมีความเข้าใจว่าจะเกิดการแพร่เชื้อจากสัตว์สู่คนเท่านั้น แต่ล่าสุดได้พบการติดต่อกันระหว่างคนสู่คนแล้ว   ซึ่งทางคณะกรรมการสาธารณสุขแห่งชาติจีน ยืนยันว่า มีการติดเชื้อจากคนสู่เกิดขึ้น

มีอาการแสดงอย่างไร ??


หลังได้รับเชื้อไวรัสโคโรนาแล้ว จะเริ่มแสดงอาการออกมาใน 1 – 2 สัปดาห์ และด้วยการที่เป็นโรคระบบทางเดินหายใจ  ลักษณะอาการจึงคล้ายการเป็นโรคไข้หวัด คือ น้ำมูกไหล, ไอ, เจ็บคอ, ไข้สูง, ปวดหัว, ปวดเมื่อยตามตัว   หายใจติดขัด  คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา จึงไม่ค่อยไปโรงพยาบาล  กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็รุนแรงจนปอดอักเสบ   ผู้เสียชีวิต คือกลุ่มที่กว่าจะรู้ตัวอาการก็รุนแรงมากแล้ว

มี 10 ข้อแนะนำจากองค์การอนามัยโลก และกรมควบคุมโรค ที่ทำได้ไม่ยุ่งยาก


1.ถ้ามีแผนไปประเทศที่โรคระบาดอยู่ ถ้าไม่จำเป็น ให้เลื่อนการเดินทางออกไปก่อน
2.หลีกเลี่ยงสัมผัสสัตว์ ตลาดค้าสัตว์ หรือสินค้าจากสัตว์ เพราะการพบผู้ติดเชื้อกลุ่มแรก มาจากสัตว์สู่คน ที่ตลาดค้าอาหารทะเล และค้าสัตว์ที่เมืองอู่ฮั่น
3.ไม่เอาตัวเองไปอยู่ในสถานที่ที่คนหนาแน่น
4.ไม่อยู่ใกล้ชิดผู้มีอาการทางเดินหายใจ หรือมีอาการเป็นหวัด
5.หากกลับมาจากพื้นที่เสี่ยง ถ้าเริ่ม มีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ให้รีบไปพบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง
6.โทรแจ้งสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422 เพื่อให้รถจากสถานพยาบาลมารับทันที
7.อยู่ห่างจากคนที่ไอหรือจาม 180 เซนติเมตร เพื่อให้พ้นจากรัศมีน้ำลาย และน้ำมูกที่จะกระจายออกมา
8.ล้างมือด้วยน้ำ และสบู่ อย่างน้อย 20 วินาที หรือใช้เจลล้างมือหรือแอลกอฮอล์
9.กินร้อน ช้อนกลาง อาหารปรุงสุก พักผ่อนให้เพียงพอ
10.แม้จะเป็นข้อสุดท้าย แต่สำคัญมาก คือสวมหน้ากากอนามัยในที่ชุมชนคนหนาแน่นไว้ก่อน

เรื่องล่าสุด