คุณหมอขอมาเล่า by คุณหมอนิ้ง Jairuk clinic : รอยคล้ำใต้ตา เกิดจากอะไร? และรักษาอย่างไรบ้าง ???

รอยคล้ำใต้ตา เป็นภาวะที่พบได้บ่อยไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย วัยรุ่นหรือวัยทำงาน
และปัญหาใต้ตาคล้ำมักจะเป็นมากขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้นด้วย
ซึ่งปัญหารอยคล้ำใต้ตาเป็นสิ่งที่หลายคนกังวล เพราะทำให้ดูเศร้า เหนื่อย อิดโรย และดูมีอายุมากกว่าที่เป็นจริง
วันนี้คุณหมอนิ้งใจรักษ์คลีนิกขอรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุของการเกิดรอยคล้ำใต้ตา
และวิธีการแก้ไขมาให้อ่านกันได้ในบทความนี้ ใครที่กำลังมีปัญหาใต้ตาพลาดไม่ได้เด็ดขาด #เชื่อหมอ

สาเหตุของ รอยคล้ำใต้ตา

การเกิดรอยคล้ำใต้ตามีสาเหตุหลัก 4 ประการ คือ

  1. ปัญหาการสร้างเม็ดสีบริเวณผิวหนังใต้ตาเพิ่มขึ้น
  2. ปัญหาผิวหนังบริเวณใต้ตาบางเป็นพิเศษ ทำให้เห็นเส้นเลือดบริเวณใต้ตา และสีของกล้ามเนื้อชัดเจนกว่าคนที่มีผิวหนังที่หนากว่า
  3. ปัญหาผิวหนัง กล้ามเนื้อ หรือกระดูกโครงหน้าบริเวณใต้ตายุบตัวลง (ร่องน้ำตา) ส่งผลทำให้เกิดเงาบริเวณใต้ตา ทำให้ใต้ตาดูคล้ำกว่าสีผิวจริง
  4. ปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อย ห้อยเป็นถุง ทำให้เกิดเงาตกกระทบให้ใต้ตาดูคล้ำ

ซึ่งรอยคล้ำใต้ตาที่เกิดจากสาเหตุต่างกัน ก็จะมีวิธีการรักษาแตกต่างกันออกไปด้วยครับ

1. รอยคล้ำใต้ตาที่เกิดจากการสร้างเม็ดสีบริเวณผิวหนังใต้ตาเพิ่มขึ้น

หลายคนคงเคยได้ยินว่า ใต้ตาคล้ำเพราะเป็นโรคภูมิแพ้ ซึ่งเป็นเรื่องจริง
นั่นก็เพราะว่ารอยดำที่เกิดตามหลังการอักเสบในผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ที่ผิวหนังเรื้อรัง (atopic dermatitis)
หรือการแพ้จากการสัมผัสสารต่าง ๆ (allergic contact dermatitis)
โดยรอยคล้ำใต้ตาจากสาเหตุนี้มักมีสีออกเทา เมื่อเอามือรีดผิวหนังบริเวณนั้นรอยคล้ำก็จะไม่จางไป

2. วิธีการรักษารอยคล้ำใต้ตาจากสาเหตุนี้

สามารถรักษาด้วยการใช้ครีมบำรุงที่มีสรรพคุณยับยั้งการสร้างเม็ดสี เช่น ไฮโดรควิโนน Arbutin Licorice Kojic
หรือครีมที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ หรือสามารถใช้เลเซอร์กำจัดเม็ดสีทำให้รอยคล้ำใต้ตาจางลงได้ ร่วมกับใช้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นร่วมด้วยจะได้ผลดี

ใครที่ตอนสมัยหนุ่มๆสาวๆไม่เคยมีปัญหาใต้ตาคล้ำเลย แต่พออายุมากขึ้นเกิดความหย่อนคล้อย ส่งผลให้โครงสร้างใบหน้าของเราเปลี่ยนไป
ผิวบางลง หรืออาจมีชั้นไขมันใต้ผิวหนังบางลงร่วมด้วย เลยทำให้เห็น #เส้นเลือดใต้ผิวหนังชัดขึ้น มักจะมีสีออกม่วง
และเห็นชัดมากบริเวณด้านหัวตา โดยเฉพาะในช่วงที่มีประจำเดือน
การที่ใต้ตามีรอยคล้ำจากสาเหตุนี้ จะไม่ตอบสนองต่อการทายาแบบสาเหตุแรก
แต่จะตอบสนองดีต่อการรักษาด้วยเลเซอร์กำจัดเส้นเลือด หรือ การฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มให้ผิวหนังดูอิ่มเอิบขึ้นได้

3.เงาดำใต้ตาจากการมีผิวหนัง กล้ามเนื้อ กระดูกใต้ตายุบและบางลง (ร่องน้ำตา)

เกิดจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างใบหน้าตามกาลเวลา เช่น ภาวะกระดูกบางกระดูกพรุนมักพบได้มากในผู้สูงอายุ
ซึ่งสามารถเกิดขึ้นกับกระดูกกะโหลกในส่วนใบหน้าได้ด้วยด้วย จึงโครงหน้าดูตอบ ไม่อิ่มฟูเหมือนคนอายุน้อยๆ
ทำให้หน้าดูมีอายุมากขึ้น ทำให้ใต้ตาดูดำและคล้ำมากขึ้นเช่นกัน
การรักษาสำหรับสาเหตุแบบนี้แนะนำเป็นการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มทดแทนบริเวณที่ขาดหายไป
และรับประทานวิตามินและเกลือแร่เสริม เช่น แคลเซี่ยม วิตามินดี เพื่อช่วยยับยั้งไม่ให้เกิดภาวะกระดูกบางมากขึ้น

4.รอยคล้ำใต้ตาจากการที่มีผิวหนังใต้ตาหย่อนคล้อยจนทำให้เกิดเงาดำใต้ตา

สาเหตุนี้มักเกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น รอยดำใต้ตาจากสาเหตุนี้มักพบการมีรอยย่นรอบดวงตารอบด้วย
ในรายที่มีความหย่อนคล้อยของผิวหนังและชั้นไขมันเยอะมาก อาจมีปัญหาถุงใต้ตาร่วมด้วยได้
การรักษารอยคล้ำใต้ตาจากวิธีนี้สามารถทำได้โดยใช้เครื่องมือต่าง ๆ เช่น เลเซอร์ หรือคลื่นความถี่วิทยุที่จะช่วยทำให้ผิวหนังใต้ตาถูกยกกระชับขึ้น
การฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็ม ทำให้ร่องน้ำตาตื้นขึ้น หรือในรายที่เป็นมาก ๆ หรือมีถุงใต้ตาขนาดใหญ่ อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อนำถุงใต้ตาออก
เนื่องจากรอยคล้ำใต้ตาเกิดได้จากหลายสาเหตุ และแต่ละสาเหตุมีวิธีการรักษาที่จะช่วยตอบโจทย์ได้แตกต่างกัน
ผู้ที่มีปัญหารอยคล้ำใต้ตาที่ต้องการรักษา จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ทราบสาเหตุของการเกิดรอยคล้ำใต้ตาก่อน
จะได้เลือกวิธีการรักษาได้อย่างเหมาะสมและแก้ปัญหาที่เป็นอยู่ได้อย่างดีที่สุด

เรื่องล่าสุด