ในช่วงวัยที่อายุเพิ่มมากขึ้น หลายคนอาจเริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้า ซึ่งหนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อย คือการเกิดแก้มหย่อนคล้อย ที่ส่งผลต่อรูปลักษณ์และความมั่นใจ บทความนี้จึงจะพามาไขข้อสงสัยเกี่ยวกับปัญหาแก้มห้อยแก้มย้อย ว่าเกิดจากอะไร มีวิธีป้องกันและแก้ยังไงบ้าง ?
แก้มห้อย คืออะไร ส่งผลต่อใบหน้าอย่างไร ?
แก้มห้อย หรือ แก้มย้อย หมายถึง ภาวะที่ผิวหนังบริเวณแก้มสูญเสียความยืดหยุ่น จนเกิดการหย่อนคล้อยลงมา ทำให้ใบหน้าดูไม่กระชับ กรอบหน้าไม่ชัดเจน ส่งผลต่อรูปลักษณ์โดยรวม ดังนี้
- ใบหน้าดูแก่ก่อนวัย เกิดจากการสูญเสียความยืดหยุ่นของผิวที่ทำให้ใบหน้าดูมีริ้วรอย ร่องลึก เกิดเป็นร่องแก้มชัดเจน ทำให้ดูมีอายุมากกว่าวัยจริง
- ใบหน้าดูไม่สดใส เนื่องจากการหย่อนคล้อยของผิวแก้มส่งผลต่อการไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลืองบริเวณใบหน้า ทำให้ใบหน้าดูหมองคล้ำ ไร้ชีวิตชีวา
- ใบหน้าดูอ้วนบาน ไขมันใต้ผิวหนังบริเวณแก้ม ที่อาจไหลลงมาตามแรงโน้มถ่วง ส่งผลให้ใบหน้าดูอ้วนกลม ไม่ได้รูป
- ใบหน้าดูไม่สมมาตร แก้มที่ห้อยย้อย อาจเกิดขึ้นเพียงข้างเดียว ทำให้ใบหน้าทั้งสองข้างไม่เท่ากัน
ปัญหาแก้มหย่อนคล้อยเกิดจากสาเหตุอะไร ?
อายุที่เพิ่มมากขึ้น
เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินได้น้อยลง โดยคอลลาเจน คือโปรตีนชนิดหนึ่งในชั้นหนังแท้ที่ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างค้ำจุนผิว ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น เต่งตึง ซึ่งจะทำงานร่วมกับอีลาสตินเพื่อเชื่อมต่อคอลลาเจนเข้าด้วยกัน โดยทำหน้าที่เสมือนสปริงที่ช่วยให้ผิวสามารถยืดหยุ่นและกลับมาสู่สภาพเดิมได้หลังการขยับ ดังนั้นเมื่อคอลลาเจนและอีลาสตินเสื่อมสภาพ จะทำให้ผิวหน้าเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่น จนเกิดเป็นความหย่อนคล้อยที่ทำให้แก้มห้อยในที่สุด
รังสียูวีจากแสงแดด
นอกจากอายุที่เพิ่มขึ้นแล้ว คอลลาเจนและอีลาสตินยังสามารถถูกทำลายได้ด้วยรังสียูวี โดยเฉพาะ UVA ที่จะแทรกซึมลึกลงสู่ชั้นหนังแท้ ซึ่งเป็นที่อยู่ของคอลลาเจนและอีลาสติน อีกทั้งยังกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระในเซลล์ผิวหนัง ทำให้โครงสร้างของคอลลาเจนและอีลาสตินเสียหาย เปราะบาง ขาดความยืดหยุ่น
พันธุกรรม
แม้ว่าปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อแก้มห้อยแก้มย้อย จะมาจากคอลลาเจนและอีลาสตินที่เสื่อมสภาพตามกาลเวลาและปัจจัยภายนอก เช่น แสงแดด มลพิษ แต่พันธุกรรมก็มีบทบาทสำคัญซึ่งส่งผลต่อปริมาณและคุณภาพของคอลลาเจนและอีลาสตินในร่างกายของแต่ละคนเช่นกัน หากพันธุกรรมดั้งเดิมมีการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินน้อย ก็จะทำให้มีผิวที่บาง เกิดริ้วรอยและแก้มห้อยได้ง่าย อีกทั้งยังส่งผลต่อการกระจายไขมันบนใบหน้า ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้มีแก้มที่ใหญ่และหย่อนคล้อยได้ง่าย
พฤติกรรมการใช้ชีวิต
หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าไลฟ์สไตล์บางอย่างก็ส่งผลต่อการเกิดแก้มหย่อนคล้อยได้ เช่น
- นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ซึ่งส่งผลต่อการฟื้นฟูผิว ทำให้ผิวหน้าดูโทรม เกิดริ้วรอยและความหย่อนคล้อย
- การสูบบุหรี่ เนื่องจากสารเคมีในบุหรี่จะเข้าไปทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ส่งผลให้ผิวหน้าแห้งกร้าน เกิดริ้วรอย แก้มห้อย
- การดื่มแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์ทำให้ผิวหนังสูญเสียความชุ่มชื้น แห้งกร้าน สร้างความหย่อนคล้อย
- ทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ เช่น อาหารที่มีน้ำตาล ไขมันอิ่มตัว และโซเดียมสูง ซึ่งเป็นอาหารที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพผิว ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำ เกิดสิว และริ้วรอยหย่อนคล้อย
- ความเครียด ส่งผลต่อระบบฮอร์โมน กระตุ้นให้เกิดการสร้างอนุมูลอิสระ ทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว
วิธีดูแลไม่ให้แก้มหย่อนคล้อย
ปรับพฤติกรรม
ดังที่กล่าวไปว่าหนึ่งในสาเหตุของแก้มย้อย คือพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต การปรับพฤติกรรมจึงเป็นวิธีดูแลแก้แก้มหย่อนคล้อยที่ง่ายที่สุด โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งสามารถทำได้ ดังนี้
- ทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเน้นผัก ผลไม้ และธัญพืช ซึ่งเป็นอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุจำเป็นต่อการบำรุงผิว เพื่อช่วยให้ผิวหนังแข็งแรง มีความยืดหยุ่น
- ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ: เพื่อบำรุงให้ผิวหนังชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยฟื้นฟูผิวให้สดใส ไม่หย่อนคล้อย
- งดสูบบุหรี่และไม่ดื่มแอลกอฮอล์ พฤติกรรมอย่างการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ จะเข้าไปทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวหนังสูญเสียความชุ่มชื้น จนเกิดความแห้งกร้าน หย่อนคล้อย
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำ เพื่อป้องกันผิวหนังจากรังสียูวี ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวหนังเสื่อมสภาพ เกิดริ้วรอย ส่งผลต่อความยืดหยุ่น ทำให้แก้มห้อยแก้มย้อย
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่เหมาะสม
หมั่นทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำ เช้า-เย็น โดยพิจารณาเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่มีส่วนผสมช่วยกระชับผิว ป้องกันแก้มหย่อนคล้อย เช่น ไฮยาลูรอนิกแอซิด คอลลาเจน วิตามินซี และเรตินอล ซึ่งจะช่วยลดเลือนริ้วรอย พร้อมช่วยกระชับผิวให้เต่งตึง แต่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยน และเหมาะกับสภาพผิวด้วย
บริหารใบหน้า
การบริหารใบหน้า จะช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อบนใบหน้าและการไหลเวียนโลหิตในชั้นผิวหนัง ส่งผลให้ใบหน้าดูยกกระชับ ไร้ความหย่อนคล้อย เช่น การยิ้มกว้างค้างไว้ 5 วินาที การเป่าแก้ม 5 วินาที หรือแม้แต่การขยับใบหน้าซ้ำไปมา โดยควรทำเป็นเซตทั้งหมดอย่างละ 10 ครั้ง
นวดหน้า
การนวดหน้าเป็นอีกวิธีที่จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตในชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวหนังเต่งตึง กระชับ ลดเลือนริ้วรอยได้ไม่ต่างจากการบริหารหน้า โดยสามารถนวดหน้าได้ด้วยตัวเอง ด้วยการใช้ครีมบำรุงผิว หรือน้ำมันนวดหน้า ทำการนวดเบา ๆ ด้วยการกด ดึง ลูบไล้จากบริเวณหน้าผาก ลงมาที่แก้ม คาง และลำคอ โดยทำการนวดซ้ำเป็นเวลา 10-15 นาที
ประคบเย็น
หากต้องการดูแลแก้มไม่ให้หย่อนคล้อย การประคบเย็นก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยวิธีนี้จะเป็นการช่วยลดอาการบวมช้ำและกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทั้งยังช่วยลดอาการบวมบริเวณแก้ม ทำให้ใบหน้าดูเรียว ดูสดใส ตึงกระชับขึ้นได้ชั่วคราว โดยสามารถประคบเย็นได้โดยใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นบิดหมาด ๆ แล้วประคบไว้ที่แก้ม หรือใช้ถุงเย็นประคบที่แก้ม 5-10 นาที
แก้มห้อย แก้ยังไงให้เห็นผลไว !
เทคโนโลยีคลื่นอัลตราซาวน์
เทคโนโลยีคลื่นอัลตราซาวน์ที่ใช้ลดแก้มย้อยมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทจะมีกลไกการทำงานและผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ดังนี้
- ไฮฟู (HIFU) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นอัลตราซาวน์ความเข้มข้นสูง มุ่งเป้าไปยังชั้น SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันใต้ผิวหนัง เพื่อไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ สามารถยกกระชับผิวหน้าได้โดยไม่ต้องผ่าตัด
- อัลตราซาวน์ RF เป็นการผสมผสานระหว่างคลื่นอัลตราซาวน์และคลื่นวิทยุ (RF) โดยคลื่นอัลตราซาวน์จะไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ และคลื่นวิทยุจะไปกระชับผิวหน้าชั้นบน จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาแก้มห้อย กรอบหน้าหย่อนคล้อย ริ้วรอยลึก และต้องการยกกระชับผิวหน้าแบบครอบคลุม
- อัลตราซาวน์ Fractional เป็นการปล่อยคลื่นอัลตราซาวน์ไปตามแต่ละจุด เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่และฟื้นฟูผิวหน้า
โบท็อกซ์
โบท็อกซ์เป็นสารที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทที่ส่งผลให้กล้ามเนื้อใบหน้าคลายตัว จึงสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้าที่เกิดจากการขยับกล้ามเนื้อ เช่น รอยยิ้ม หรือร่องแก้ม ให้ปรากฏน้อยลง
เมโสแฟต
เมโสแฟตเป็นการฉีดสารละลายไขมันเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง โดยจะเข้าไปทำลายเซลล์ไขมัน กระตุ้นให้ร่างกายกำจัดไขมันออกทางระบบน้ำเหลืองและปัสสาวะ จึงสามารถช่วยลดไขมันสะสม บริเวณแก้ม ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น สัดส่วนเล็กลง
ฟิลเลอร์
หลายคนอาจคิดว่าฟิลเลอร์คือการใช้สารเติมเต็ม ซึ่งอาจไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาแก้มหย่อนคล้อยได้ แต่แท้จริงแล้วฟิลเลอร์ คือการใช้ไฮยาลูรอนิก แอซิด ที่เป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกาย โดยมีหน้าที่กักเก็บความชุ่มชื้น ซึ่งเมื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าไปบริเวณแก้ม จะเป็นการช่วยเติมเต็มร่องลึก ยกกระชับผิว ทำให้ใบหน้าดูอวบอิ่ม เต่งตึง จึงสามารถลดเลือนริ้วรอยร่องแก้มที่ทำให้แก้มตอบ แก้มย้อยได้
มองหาทางเลือกแก้ปัญหาแก้มหย่อนคล้อย ขอแนะนำ Jairuk Clinic คลินิกความงามที่พร้อมดูแลตั้งแต่ขั้นตอนการ Consult ไปจนถึงการทำหัตถการที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการใช้โบท็อกซ์ หรือฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเพื่อลดริ้วรอย โดยทีมแพทย์ชำนาญการ มั่นใจด้วยการใช้ฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน อย. และสากล สนใจนัดหมายปรึกษาแพทย์ได้ที่ โทร : 062-848-7799, 093-636-5153 และ 062-747-1222
ข้อมูลอ้างอิง
- Why Do I Have Saggy Skin, and What Can I Do About It?. สืบค้นเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2567 จาก https://www.healthline.com/health/skin/saggy-skin
- Sagging face. สืบค้นเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2567 จาก https://www.topdoctors.co.uk/medical-dictionary/sagging-face