คนที่มีโหนกแก้มสูง กรามชัด รูปหน้าเหลี่ยม ทำให้ใบหน้าดุและดูมีอายุ หลายคนจึงอยากจะปรับรูปหน้าใหม่เพื่อลดโหนกแก้มให้เล็กลง ทำให้ใบหน้าดูหวานละมุนขึ้น แต่ก็กลัวว่าการผ่าตัดเพื่อทุบโหนกแก้มจะทำให้เจ็บตัวและต้องใช้เวลาพักฟื้นยาวนาน แต่ในปัจจุบันวิธีลดโหนกแก้มก็มีอยู่ด้วยกันหลายวิธีที่ไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัด แถมยังสามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างลงตัว อย่างการฉีดโบท็อกซ์และฉีดฟิลเลอร์
สำหรับใครที่อยากจะปรับรูปหน้า ลดโหนกแก้ม ลองมาหาคำตอบกันว่า การทำหัตถการด้วยวิธีเหล่านี้ นอกจากจะสามารถช่วยลดโหนกแก้มได้แล้ว ยังจะมีข้อดีอื่น ๆ อย่างไรอีกบ้าง ติดตามกันเลย
ลักษณะของโหนกแก้มสูง
ปกติแล้วโหนกแก้มของแต่ละคนจะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป โดยคนยุโรปผู้ที่มีโหนกแก้มสูงมักจะพุ่งออกมาทางด้านหน้า จึงทำให้ใบหน้าดูสวยมีมิติ แต่สำหรับคนเอเชียโหนกแก้มมักจะพุ่งออกด้านข้าง ทำให้ใบหน้าดูบาน ไม่ได้สัดส่วน จนทำให้หลายคนรู้สึกขาดความมั่นใจ
วิธีเช็กโหนกแก้มสูงจริงไหม ?
สำหรับวิธีเช็กโหนกแก้มว่ามีความสมส่วนกับใบหน้าหรือไม่ สามารถทำได้ด้วยการวัดโหนกแก้มของตนเองเบื้องต้น โดยเริ่มจากการแบ่งใบหน้าออกเป็น 3 ส่วนคือ
- ส่วนที่ 1 หัวตา-กลางดวงตา
- ส่วนที่ 2 กลางดวงตา-หางตา
- ส่วนที่ 3 หางตา-โหนกแก้ม (ยาวไปจนถึงไรผม)
จากนั้น ให้วัดความยาวของใบหน้าทั้ง 3 ส่วน หากพบว่าใบหน้าส่วนที่ 3 กว้างกว่าใบหน้าส่วนที่ 2 แสดงว่า โหนกแก้มใหญ่
โหนกแก้มสูง มีสาเหตุมาจากอะไร ?
- อายุที่มากขึ้น
เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ไขมันบริเวณขมับ ใต้ตา และแก้มจะฝ่อตัวลง อีกทั้งกระดูกก็จะยุบลง จนเห็นกรอบหน้าเป็นแอ่ง และทำให้โหนกแก้มดูเด่นชัดมากยิ่งขึ้น
- พันธุกรรม
คนที่มีโหนกแก้มนูนสูงมาตั้งแต่กำเนิด สามารถสังเกตได้จากคนในครอบครัว หากคนใดคนหนึ่งหรือหลายคนมีโหนกแก้มสูง ก็ย่อมส่งต่อมาถึงเราด้วย
- โครงสร้างกระดูกโหนกแก้ม
กระดูกโหนกแก้มที่นูนสูง รวมถึงมีโครงสร้างฐานโหนกแก้มที่กว้างจนเกินไป จะส่งผลให้ใบหน้าแลดูใหญ่ หน้าเหลี่ยม และไม่สมส่วน
- ลดน้ำหนัก
การลดน้ำหนักแบบผิดวิธี ที่ทำให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วจนเกินไป จะทำให้ไขมันบริเวณใบหน้ายุบหายไป จึงเห็นเป็นโหนกแก้มที่ชัดขึ้น และอาจทำให้ขมับยุบ ตอบ รวมถึงแก้มตอบด้วย
- จัดฟัน
การจัดฟันไม่ได้เป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้โหนกแก้มสูงขึ้น แต่การจัดฟันให้ฟันเรียงกันในตำแหน่งใหม่ อาจทำให้โหนกแก้มแลดูเด่นชัดขึ้น หรือทำให้แก้มตอบลงได้
7 วิธีลดโหนกแก้มสูง มีข้อดีอย่างไร เหมาะกับใคร ?
1. ฟิลเลอร์ (Filler)
เริ่มต้นกันด้วยวิธีที่หลายคนคุ้นเคย อย่างการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งเป็นการฉีดสารประเภท Hyaluronic Acid เข้าไปยังบริเวณใต้โหนกแก้ม เพื่อเติมเต็มให้ใบหน้าส่วนที่ตอบดูอิ่มชัด ช่วยลดโหนกแก้มที่นูนสูงให้แลดูเล็กลง อีกทั้งยังทำให้ใบหน้าสมส่วนมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ข้อดีของการลดโหนกแก้มด้วยวิธีการฉีดฟิลเลอร์ คือสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว และดูดีขึ้นได้ทันทีหลังทำ แต่วิธีการนี้เหมาะสำหรับคนที่มีโหนกแก้มนูนสูงเนื่องจากไขมันในแก้มยุบและแก้มตอบเท่านั้น แต่จะไม่เหมาะกับคนที่โหนกแก้มใหญ่จากโครงสร้างกระดูกหรือมีไขมันสะสมมากจนเกินไป
2. โบท็อกซ์ (Botox)
อีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการลดโหนกแก้ม คือการฉีดโบท็อกซ์เข้าไปยังกล้ามเนื้อไซโกมาติคัส (Zygomaticus) ตรงบริเวณโหนกแก้ม เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อ และทำให้กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลง ซึ่งจะส่งผลให้โหนกแก้มแลดูเล็กลง ทั้งยังช่วยให้ใบหน้าเข้ารูป ดูสมส่วน และมีมิติ
ข้อดีของการฉีดโบท็อกซ์ลดโหนกแก้มสูง คือเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว แต่หากต้องการได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น จำเป็นต้องไปฉีดซ้ำทุก ๆ 3-6 เดือน แต่ทั้งนี้ การฉีดโบท็อกซ์ลดโหนกแก้มอาจจะต้องได้รับการวินิจัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ว่าปัญหาของคุณเหมาะกับการทำหัตถการประเภทนี้หรือไม่ด้วย
3. เมโสแฟต (Meso Fat)
เมโสแฟตนับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลดโหนกแก้มสูง โดยเป็นการฉีดสารสกัดจากธรรมชาติ เพื่อกระตุ้นระบบการทำงานของ Metabolism และ L-carnitine ซึ่งมีหน้าที่สลายไขมันเฉพาะจุด ทำให้ใบหน้ากระชับ และโหนกแก้มแลดูเล็กลง
ข้อดีของการฉีดเมโสแฟตคือ นอกจากจะช่วยลดโหนกแก้มได้แล้ว ยังทำให้ผิวกระชับ โดยจะเหมาะกับคนที่มีโหนกแก้มใหญ่เนื่องจากไขมันเยอะ แต่ไม่เหมาะกับคนที่แก้มตอบไขมันบนใบหน้าน้อย อีกทั้งยังคงผลลัพธ์อยู่ได้เพียง 6-8 เดือนเท่านั้น
4. ร้อยไหมยกกระชับ (Thread Lift)
ส่วนคนที่ไม่ชอบการฉีดหน้า สามารถเลือกใช้วิธีร้อยไหม เพื่อช่วยลดโหนกแก้มได้เช่นกัน โดยการร้อยไหมจะเป็นการยกกระชับรูปหน้าให้เรียวเป็น V-Shape ทั้งยังทำให้ใบหน้าดูเต่งตึง จึงช่วยให้โหนกแก้มที่มีความนูนสูง ดูกลมกลืนกับส่วนอื่นของใบหน้ามากยิ่งขึ้น
ข้อดีของการร้อยไหมก็คือ สามารถปรับรูปหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากเส้นไหมมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวหน้าอิ่มฟู เรียบเนียน และยกกระชับผิวหย่อนคล้อยให้เต่งตึง แต่มีข้อเสียคือเห็นผลลัพธ์ได้ช้ากว่า โดยจะยุบและเข้าที่ภายใน 2-4 สัปดาห์
5. เทอร์มาจ (Thermage)
มาถึงวิธีลดโหนกแก้มด้วยการใช้เครื่องกันบ้าง โดยเริ่มกันที่เทอร์มาจ ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยีในการยิงคลื่นวิทยุความถี่สูง (Monopolar RF) ลงไปยังทุกชั้นผิว รวมถึงผิวชั้นไขมัน เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้รูปหน้ากระชับ แลดูเรียวขึ้น
ข้อดีของการทำหัตถการด้วยเครื่องเทอร์มาจ คือสามารถแก้ปัญหาโหนกแก้มสูงที่เกิดจากผิวบริเวณสองข้างแก้มห้อยย้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังเหมาะกับคนไม่อยากเจ็บตัวจากการฉีดหรือการร้อยไหมอีกด้วย
6. อัลเทอร่า (Ulthera)
เครื่องอัลเทอร่า เป็นเครื่องมือที่มีเทคโนโลยีในการยิงคลื่นอัลตราซาวนด์ความถี่สูง (High Intensity Focused Ultrasound) ลงไปยังผิวชั้น SMAS (Superficial Musculo Aponeurotic System) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทั้งยังช่วยในการปรับรูปหน้าให้เรียวกระชับขึ้น
ข้อดีของเทคโนโลยีนี้ก็คือ ด้วยความถี่ของคลื่นที่สามารถลงลึกในทุกชั้นผิว จึงช่วยยกกระชับได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่มีข้อเสียคือไม่เห็นผลลัพธ์ในทันที แต่ต้องรออย่างน้อย 2-3 เดือน ถึงจะเห็นผลได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้หากทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ จะยิ่งเห็นผลได้ออย่างชัดเจนและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
7. ไฮฟู่ (High Intensive Focus Ultrasound)
ไฮฟู่เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการยกกระชับผิวหน้า โดยเป็นการยิงคลื่นอัลตราซาวนด์ความถี่สูงลงไปยังผิวชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อสำคัญของกล้ามเนื้อใบหน้า ทำให้รูปหน้าเรียว ลดความชัดของโหนกแก้มให้ลดลงได้
สำหรับวิธีลดโหนกแก้มที่เรานำมาบอกกัน ใครที่ยังสงสัยว่าควรเลือกแบบไหนดี ขอแนะนำว่าควรเข้ามาปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการวิเคราะห์รูปหน้าและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมในแต่ละบุคคลก็จะดีที่สุด
สำหรับใครที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์แก้แก้มย้อย ปรับรูปหน้าให้เรียวอย่างปลอดภัย ที่ Jairuk Clinic มีบริการฉีดฟิลเลอร์ โดยทีมแพทย์ชำนาญการ ด้วยฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทั้งของไทยและสากล สนใจนัดหมายปรึกษาแพทย์ได้ที่ โทร : 062-848-7799, 093-636-5153 และ 062-747-1222
ข้อมูลอ้างอิง:
- Low Cheekbones vs. High Cheekbones: What’s the Difference?. สืบค้นเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2567 จาก https://www.healthline.com/health/low-cheekbones-vs-high-cheekbones