ฉีดไขมัน vs ฉีดฟิลเลอร์ อยากแก้ปัญหาใต้ตาควรเลือกอะไรดี ?

• แชร์
• ทวิต
• ไลน์

ใครหลายคนคงเคยกังวลกับปัญหาใต้ตาที่ดูคล้ำ ลึก หรือมีถุงใต้ตา ซึ่งส่งผลให้ใบหน้าดูอ่อนล้า มีอายุ และขาดความสดใส จนทำให้ความมั่นใจลดลง สำหรับคนที่อยากแก้ไขปัญหาเหล่านี้ แต่ไม่รู้จะเลือกวิธีไหนดี ? ระหว่างการฉีดไขมันใต้ตา VS การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา บทความนี้จะมาตอบให้ชัด ว่าทั้งสองโปรแกรมต่างกันอย่างไร เพื่อให้คุณได้ชั่งน้ำหนัก และเลือกพิจารณาเข้ารับบริการได้อย่างเหมาะสม !

ฉีดไขมันใต้ตา คืออะไร ?

การฉีดไขมันใต้ตาเป็นวิธีการทางการแพทย์ที่ใช้แก้ไขปัญหาใต้ตาลึกโดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งวิธีนี้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในวงการศัลยกรรมความงาม เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและมีความเสี่ยงต่ำ เพราะใช้ไขมันจากตัวคนไข้เอง

วิธีเติมไขมันใต้ตาให้อิ่มฟู ดูเป็นธรรมชาติ มีวิธีไหนบ้าง ?

• ดูดไขมันจากส่วนอื่นของร่างกาย เช่น หน้าท้อง ต้นขา หรือสะโพก
• นำไขมันที่ดูดออกมาผ่านกระบวนการสกัด เพื่อนำเอาสเต็มเซลล์ออกมาใช้ผสมกับเนื้อเยื่อไขมัน
• ฉีดไขมันที่ผ่านการทำให้บริสุทธิ์เข้าสู่ใต้ชั้นผิว บริเวณใต้ตาที่มีปัญหา
• ซึ่งวิธีเหล่านี้สามารถแก้ไขปัญหาใต้ตาลึกได้โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือใช้สารเติมเต็มที่อาจมีความเสี่ยงต่อร่างกาย เนื่องจากเซลล์ไขมันเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในร่างกายตามธรรมชาติ จึงเกิดผลข้างเคียงได้ต่ำ

ข้อดี

• ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติและยาวนาน: เนื่องจากใช้ไขมันจากร่างกายของผู้เข้ารับการรักษาเอง ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติและสามารถอยู่ได้นานกว่าการใช้สารเติมเต็มชนิดอื่น
• ความเสี่ยงต่ำ: การใช้ไขมันจากร่างกายตัวเองช่วยลดความเสี่ยงการแพ้หรือการเกิดปฏิกิริยาต่อต้านจากระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้กับการใช้สารเติมเต็มสังเคราะห์

ข้อจำกัด

• ต้องผ่านการดูดไขมัน: กระบวนการนี้จำเป็นต้องมีการดูดไขมันออกจากส่วนอื่นของร่างกาย ซึ่งอาจทำให้เกิดรอยแผลเล็กน้อยบริเวณที่ดูดไขมัน
• ผลลัพธ์อาจไม่แน่นอน: เนื่องจากร่างกายของแต่ละคนมีการดูดซึมไขมันที่ฉีดเข้าไปไม่เท่ากัน ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางเคสอาจต้องทำการฉีดไขมันใต้ตาซ้ำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ

เติมฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร ?

การเติมฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีด้านความงามที่ได้รับความนิยมไม่ต่างจากการเติมไขมันใต้ตา เพราะถือได้ว่าเป็นหัตถการที่ช่วยในการแก้ไขปัญหาใต้ตาคล้ำ ใต้ตาลึก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าดูแก่และโทรมลงได้อย่างตรงจุด โดยวิธีนี้นอกจากจะช่วยเพิ่มความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้าได้อย่างรวดเร็วแล้ว ยังมีความปลอดภัยสูง ไม่ต้องพักฟื้น เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาจำกัด

หลักการเติมฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยแก้ปัญหาตาลึก ตาโหล ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

• ฉีดสารเติมเต็มประเภทกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid หรือ HA) เข้าไปในชั้นผิว หรือผิวชั้นลึกใกล้กระดูกในบริเวณใต้ตา
• สารนี้จะถูกฉีดเข้าไปในส่วนที่ยุบตัวลงใต้ตา ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาใต้ตาคล้ำและลึก จนดูไม่สดใส
• ฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มบริเวณที่ยุบตัว ทำให้ผิวใต้ตาดูเรียบเนียนและมีปริมาตรมากขึ้น
• แน่นอนว่าวิธีนี้สามารถช่วยแก้ไขปัญหาใต้ตาลึก ตาโหลได้ โดยไม่ต้องผ่าตัดเหมือนกันการฉีดไขมันใต้ตา อีกทั้งยังมีความโดดเด่นที่ใช้เวลาไม่นาน รวมถึงมีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน หากใครไม่อยากเจ็บตัวหลายจุด วิธีนี้ถือว่าตอบโจทย์เลยทีเดียว

ข้อดี

รวดเร็วและเห็นผลทันที: การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้เวลาไม่นาน และผู้รับการรักษาสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ
ไม่ต้องพักฟื้นนาน: หลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
ฟิลเลอร์แท้สามารถสลายได้: กรดไฮยาลูรอนิกเป็นสารที่ร่างกายสามารถดูดซึมและสลายได้เองตามธรรมชาติ ไร้กังวลเรื่องสารตกค้างที่อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง
ราคาประหยัด: เมื่อเทียบกับวิธีอื่น เช่น การเติมไขมันที่ต้องมีการดูดไขมันจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย การเติมฟิลเลอร์ใต้ตาจะถือได้ว่ามีราคาที่ประหยัดกว่ามาก

ข้อจำกัด

ผลลัพธ์ไม่ถาวร: ฟิลเลอร์ใต้ตาโดยทั่วไปจะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่ผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ หลังจากนั้นจำเป็นต้องทำซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์
อาการข้างเคียงชั่วคราว: อาจเกิดอาการบวมหรือช้ำบริเวณที่ฉีดเป็นการชั่วคราว ซึ่งจะหายไปภายในไม่เวลาไม่เกิน 1-2 อาทิตย์

เลือกหัตถการอย่างไรให้เหมาะกับปัญหาใต้ตาของคุณ ?

การเลือกวิธีการแก้ไขปัญหาใต้ตาที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งลักษณะปัญหา ความต้องการของผู้รับการรักษา และข้อจำกัดต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งแต่ละโปรแกรมก็มีจุดเด่นที่ตอบสนองต่อกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป โดยสามารถสรุปได้ ดังนี้

การฉีดไขมันใต้ตา เหมาะกับใคร ?

• ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาว: เนื่องจากใช้ไขมันของตัวเอง ผลลัพธ์จึงอยู่ได้นานกว่าฟิลเลอร์
• ปัญหาร่องตาลึกจากชั้นไขมันบางลง: เหมาะสำหรับผู้ที่มีร่องตาลึกที่เกิดจากชั้นไขมันที่บางลงหรือฝ่อลง
• แก้ไขปัญหาตาโบ๋: ช่วยเติมเต็มบริเวณที่ยุบตัวได้อย่างเป็นธรรมชาติ
• แก้ไขปัญหาขอบตาดำ: ไขมันช่วยปรับสีผิวใต้ตาให้สว่างขึ้น
• ปัญหาผิวใต้ตาเหี่ยวย่นและหย่อนคล้อย: ไขมันช่วยเพิ่มปริมาตรและความยืดหยุ่นให้กับผิว
• ผู้ที่ไม่ต้องการใช้สารเติมเต็มสังเคราะห์: เหมาะสำหรับผู้ที่มีความกังวลเกี่ยวกับอาการแพ้จากสารเติมเต็ม อยากหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่ไม่ประสงค์
• ต้องการกำจัดไขมันส่วนเกินพร้อมแก้ไขปัญหาใต้ตา: สามารถนำไขมันส่วนเกินมาใช้ประโยชน์ได้ โดยใช้เติมใต้ตา หรือหากต้องการเติมไขมันในส่วนอื่น ๆ เพื่อปรับรูปหน้าก็ได้เหมือนกัน

การเติมฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะกับใคร ?

• ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์เร็ว: ให้ผลทันทีหลังการรักษา ไม่ต้องรอนานก็เห็นผลได้ทันใจ
• ปัญหาร่องใต้ตา ถุงใต้ตา ใต้ตาคล้ำ ขอบตาดำ: แก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้เติมเต็มใต้ชั้นผิวที่ตรงจุด
• ไม่มีเวลาพักฟื้น ไม่อยากลางาน: ผู้ที่มีข้อจำกัดด้านเวลา ต้องการฟื้นฟูผิว แก้ปัญหาใต้ตาในระยะเวลาที่สั้น การเติมฟิลเลอร์ก็ถือได้ว่าตอบโจทย์
• ต้องการยกกระชับบางจุดบนใบหน้า: สามารถใช้ฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ ไปพร้อม ๆ กับการแก้ไขปัญหาใต้ตาได้ด้วยการเติมแก้มส้ม จุดสำคัญที่ช่วยพลางปัญหาใต้ตา พร้อมยกผิวให้กระชับได้อย่างปลอดภัย

อยากแก้ปัญหาใต้ตาลึก โบ๋ ให้กลับมาอิ่มฟู สดใส แต่ไม่มีเวลาพักฟื้นนาน ? เข้ารับบริการเติมฟิลเลอร์ใต้ตา พร้อมปรึกษาและรับคำแนะนำได้เลยที่ Jairuk Clinic คลินิกความงามที่พร้อมดูแลตั้งแต่ขั้นตอนการ Consult ไปจนถึงการทำหัตถการโดยทีมแพทย์ชำนาญการ มั่นใจได้ด้วยการใช้ฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน อย. และสากล สนใจนัดหมายปรึกษาแพทย์ได้ที่ โทร : 062-848-7799, 093-636-5153 และ 062-747-1222

ข้อมูลอ้างอิง

1. What to Know About Under-Eye Fillers. สืบค้นเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 จาก https://www.webmd.com/beauty/what-to-know-about-under-eye-fillers
2. Under-Eye Fat Transfer. สืบค้นเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 จาก https://my.clevelandclinic.org/health/treatments/23319-under-eye-fat-transfer

• แชร์
• ทวิต
• ไลน์